เลือกตั้งและการเมือง

'พิธา' ลั่นผลักดันเชียงใหม่เป็น ศูนย์แก้มลพิษอาเซียน - ชวนเที่ยวแบบดื่มด่ำวัฒนธรรมพี่น้องชาติพันธุ์

โดย nattachat_c

16 มิ.ย. 2566

176 views

วานนี้ (15 มิ.ย. 66) ที่เชียงใหม่ศิริพานิช นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พร้อมด้วยนายนิติพล ผิวเหมาะ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อ สัดส่วนสิ่งแวดล้อม , นายเดชรัต สุขกำเนิด ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อและผู้อำนวยการ Think Forward Center , นายกรุณพล เทียนสุวรรณ ว่าที่ ส.ส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคก้าวไกล ได้หารือเพื่อเตรียมความพร้อมรับมือฝุ่น PM 2.5 ในปี 2567 โดยมีภาคประชาสังคม ภาคธุรกิจ ภาคการท่องเที่ยว และภาคเอกชนจากส่วนต่างๆ ที่เกี่ยวข้องกับผลกระทบจากปัญหาฝุ่น PM 2.5 เข้าร่วมหารือ


ทันทีที่นายพิธามาถึง ไม่ได้ให้สัมภาษณ์สื่อมวลชนแต่อย่างใด โดยรีบเข้าไปประชุมทันที พร้อมกล่าวในที่ประชุมหารือ ว่า ปัญหา PM 2.5 ส่วนใหญ่เกิดขึ้นทุกปีที่จังหวัดเชียงใหม่ ตั้งแต่เดือนมกราคมถึงเมษายน ส่วนตัวแล้วถึงแม้จะไม่ใช่คนจังหวัดเชียงใหม่แต่ก็มีประสบการณ์เกี่ยวกับ PM 2.5 อย่างน้อยใน 3 บริบท


บริบทแรก ตอนที่เป็นอดีต ส.ส.อนาคตใหม่ ได้มีโอกาสเป็นประธานกรรมาธิการที่ดิน ทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม สภาผู้แทนราษฎร ทำให้มีโอกาสเข้าถึงข้อมูล มีโอกาสพูดคุยกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม อธิบดีกรมควบคุมมลพิษ


บริบทต่อมา พอเป็นหัวหน้าพรรคก้าวไกล ก็เป็น ส.ส. ที่ต้องดูแลเกี่ยวกับกรรมาธิการงบประมาณ ทำให้ได้เห็นว่างบประมาณที่ลงมายังผู้ว่าราชการจังหวัดเชียงใหม่ ในเรื่องสิ่งแวดล้อมมีอยู่เท่าไหร่ จะเห็นว่าเป็นเบี้ยหัวแตกแค่ไหน ไปอยู่ที่ตรงไหน มูลค่าเท่าไหร่


บริบทที่สาม ตนเป็นผู้ประสบภัย ตอนนี้พอยุบสภาแล้วลงพื้นที่หาเสียง ต้องลงพื้นที่ภาคเหนือในช่วงกุมภาพันธ์ถึงมีนาคม


ผมต้องขึ้นอยู่บนรถแห่แล้วต้องพูดว่าพ่อแม่พี่น้อง พิธามาเยี่ยมเชียงใหม่แล้ว ในช่วงพีคที่สุดในปีที่ผ่านมา เดือนมีนาคมปี 2566 ซึ่งเดือนมีนาเป็นความรุนแรงในรอบ 5-6 ปีของจังหวัดเชียงใหม่ ความลับคือเข้าโรงพยาบาลไป 2-3 วัน แต่ต้องถอดสายน้ำเกลือเพื่อที่จะออกมาหาเสียงต่อ” นายพิธา กล่าว


นายพิธา กล่าวว่า หากใครกล่าวสรุปสั้นๆ ตั้งรัฐบาลได้เมื่อไหร่ จะแก้ปัญหาตรงนี้ได้ต้องแบ่งออกเป็น 3 ขยัก ขยักแรกคือระดับนานาชาติ ขยักที่ 2 คือระดับประเทศ และขยักที่ 3 คือท้องถิ่น


ตนต้องการตั้งกรอบให้ได้ เพื่อทำงานกับพรรคร่วมรัฐบาล แล้วใส่ข้อมูลว่าปัญหาและความท้าทายคืออะไร รวมถึงต้องเข้าใจเรื่องเศรษฐกิจกับสิ่งแวดล้อม ซึ่งกลายเป็นเรื่องเดียวกันไปหมดแล้ว


นายพิธา สอบถามถึงงบประมาณ และตั้งคำถามถึงผลกระทบ โดยผลการวิจัยร่วมกับการธนาคารแห่งประเทศไทย ผลกระทบจากฝุ่น PM2.5 เฉพาะจังหวัดเชียงใหม่มาถึง 7 หมื่นล้านบาท ซึ่งรวมผลกระทบทางเศรษฐกิจและสิ่งแวดล้อม


“ตีซะว่าหมื่นกว่าล้าน ให้ทุกคนได้รู้ว่าการที่มีฝุ่นเข้ามาไม่ใช่แค่ทำให้เราหายใจไม่ออกหรือทำให้ลูกหลานเลือดกำเดาไหลเวลาไปโรงเรียนแต่มีผลกระทบถึงเศรษฐกิจมากมายมหาศาลเป็นหมื่นล้านบาท งบประมาณปีที่ผ่านมา ทุกท่านรู้ว่ามีการกระจัดกระจายเป็นเบี้ยหัวแตก ไปอยู่งบตรงพี่ผู้ว่าราชการจังหวัดบ้าง ไปอยู่ที่กรมควบคุมมลพิษบ้าง กรมอุทยานบ้าง กรมส่งเสริมปกครองท้องถิ่นที่มหาดไทยบ้าง …. ต่างคนต่างทำ” นายพิธา กล่าว


นายพิธา ย้ำว่าเรื่องนี้ไม่สามารถที่จะรวมพลังได้ ซึ่งข้อเท็จจริงมีงบประมาณสิ่งแวดล้อมทั้งหมด 85 ล้านบาท เป็นงบไฟป่า อยู่ที่กรมป่าไม้ 14 ล้าน กรมส่งเสริมการปกครองท้องถิ่น 3 ล้านบาท งบกลุ่มจังหวัด 58 ล้าน และลงมาที่จังหวัด 10 ล้านบาท เพราะฉะนั้นเราคุยกับผลกระทบของปัญหาที่มีประมาณ 1 หมื่นล้านบาท


“เพราะฉะนั้นคุณเห็นแค่นี้ก็รู้อยู่แล้วว่าแก้ไม่ได้ คนที่เป็นผู้นำคนต่อไปเข้าใจแล้วแหละว่าเรื่องเศรษฐกิจเรื่องสิ่งแวดล้อมและเรื่องสาธารณสุขเป็นเรื่องเดียวกันไปหมด สงกรานต์เชียงใหม่ โควิด PM 2.5 ต่อให้นโยบายเศรษฐกิจดีแค่ไหน การท่องเที่ยวดีแค่ไหน เจอปัญหาอันนี้ติดกัน คุณจะเห็นแล้วแหละว่าโลกใบใหม่ที่เชียงใหม่เกิดขึ้นชัดเจนที่สุด เพราะฉะนั้นการที่จะเอางบประมาณไปอยู่ในความท้าทายแบบเก่า ไม่ได้อยู่ความท้าทายแบบใหม่ แก้อย่างไรก็แก้ไม่ได้” นายพิธา กล่าว


นายพิธา ย้ำว่าในอาเซียนมีการตั้งเป็นพหุภาคีข้ามชาติ เพียงแต่ไม่มีผู้นำประเทศคนไหนไปทำให้เป็นรูปธรรม รวมถึงศูนย์ปฏิบัติงานมลพิษทางอากาศในอาเซียน ก็มีตั้งแล้ว แต่ยังไม่มีสถานที่ปฏิบัติงาน ต้นคิดว่านายกฯคนต่อไปควรจะต้องนำศูนย์ปฏิบัติการดังกล่าวมาตั้งที่จังหวัดเชียงใหม่ให้ได้


 “เขาใช้คำว่า Asean Head Pollution Center ที่ยังไม่มีประเทศไหนสนใจ เราเห็นโอกาสตรงนี้ทางที่มีข้อตกลงตรงนี้ ผมจะเอามาตั้งที่เชียงใหม่ด้วย เป็นการปฏิบัติงานเชิงรุก ไม่ต้องประชุมใหม่ ใช้ Agreement ที่มีตั้งแต่ปี 2004 เพียงแต่หากใส่ใจสักหน่อย ผมจะเสนอเป็นตัวตั้งและให้มาตั้งที่เชียงใหม่ พอมีศูนย์กลางปฏิบัติงานทุกคนก็จะสนใจ” นายพิธากล่าว


นอกจากนี้ยังมีกองทุนมลพิษข้ามชาติ ที่ตั้งไว้แล้วแต่ยังไม่มีใครนำมาใช้ ไม่ว่าจะเป็นกองทุน กฎหมาย ศูนย์ปฏิบัติงาน มันมีเชื้ออยู่แล้ว เพียงแต่คนที่เป็นผู้นำไม่ได้เห็นภาพ และไม่สามารถช่วยได้

--------------

วานนี้ (15 มิ.ย. 66) นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรค ได้ออกมารับหนังสือจากกลุ่มสภาชนเผ่าพื้นเมืองแห่งประเทศไทย ซึ่งเป็นกลุ่มชาติพันธุ์ 40 ชนเผ่า จาก 5 ภูมิภาค และภาคีที่เกี่ยวข้อง ภายหลังจากหารือและรับฟังปัญหาเสร็จสิ้น


นายพิธา ก็ได้ร่วมรับประทานอาหารกับผู้นำกลุ่มชาติพันธุ์ เป็นอาหาร 9 อย่างจาก 9 ชนเผ่า เพื่อต้อนรับพรรคก้าวไกล


โดย นายพิธา เริ่มต้นรับประทาน ป่าปา เป็นขนมท้องถิ่น ซึ่งนายพิธา เรียกว่า ‘แพนเค้กลีซู’ และได้ชิมให้ดู พร้อมแบ่งให้กับสื่อทวลชนได้ลองชิมด้วย และได้ลองชิม เหล้าข้าวโพด ก่อนจะรับประทานอาหาร ซึ่งนายพิธา ทานทั้งข้าวไรซ์เบอรี่ และข้าวเหนียว อย่างอเร็ดอร่อย และทานทุกอย่างที่ชาวบ้านแนะนำและนำมาให้


จากนั้น ก็มาดื่มกาแฟดริฟ นายพิธา ขอ 2 แก้ว และชมว่าอร่อย แล้วมาแวะทานขนม ป่าปาอีก 1 ชิ้น ก่อนจะถ่ายรูปร่วมกับชาวบ้านกลุ่มชาติพันธุ์ และเดินทางต่อไปยังตลาดหางดง


สำหรับเมนูอาหาร มีทั้ง ต้มไก่ว่านค้าวคาวดำ จากชนเผ่าลีซู /ไก่สมุนไพร จากชนเผ่าคะฉิ่น /ต้มไก่สมุนไพร จากม้ง / ลาบไก่ จากม้ง /โต๊ะสะเบือก ชนเผ่าละเวือะ /ต่าพอเพาะ จากชนเผ่ากะเหรี่ยง / ส่าจ๊อย จากชนเผ่าลาหู่ / ยำผักสมุนไพร จากเผ่าอาข่า / ป่าปา (ขนม) จากชนเผ่าลีซู


“ส่วนตัวแล้วหากมีโอกาสได้ไปพักผ่อนกับเขาบ้าง ซึ่งก็ไม่ค่อยมีหรอก ถ้าจะไปเที่ยวมี 2 ที่คือ ลีซู ลอดจ์ อยู่ที่จ.เชียงใหม่ และลั่นเจี๊ยะ ลอดจ์ อยู่เชียงราย ก็ขอเชิญชวนคนไทยทั้งประเทศ และต่างประเทศไปดื่มด่ำวัฒนธรรมพี่น้องชาติพันธุ์ ในการท่องเที่ยวที่จะถึงนี้”

--------------

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกลและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เดินทางพบปะพ่อแม่พี่น้องชาวอำเภอหางดง จังหวัดเชียงใหม่ เพื่อปราศรัยขอบคุณประชาชนที่มอบคะแนนเสียงเลือกตั้ง ที่ตลาดสดเทศบาลหางดง


โดยนายพิธา เดินทางมาถึงเวลา 14.00 น. แต่ไม่สามารถลงจากรถมาปราศรัยได้ เนื่องจากมีแฟนขับจำนวนมากรออยู่หน้ารถจนไม่สามารถออกจากรถได้ จนเวลาผ่านไป 15 นาที ทีมงานจึงขอร้องแฟนคลับให้เปิดทาง ทำให้นายพิธาออกจากรถได้


นายพิธา กล่าวอีกว่า พี่น้องเคยเชื่อมั่นในตัวพิธาอย่างไร กับเวลาที่เหลือขอให้เชื่อมั่นได้หรือไม่ ทำงานร่วมใจจากนายกฯคนนี้ได้หรือไม่ เชียงใหม่ไปด้วยกันได้หรือไม่


“และนี่คือสัญญาหางดง ปฏิญญาหางดงที่เราสัญญาร่วมกันไม่ว่าจะเจอขวากหนามไม่ว่าจะเจออุปสรรค มากมายขนาดไหนเราสัญญากันแล้ว เราจะไม่มีวันทิ้งกัน” นายพิธากล่าว

--------------


รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/xnO2C5t3Rak


คุณอาจสนใจ

Related News