เลือกตั้งและการเมือง
เลือก(สัก)ตั้ง EP.3 : เลือกตั้ง66 ครั้งนี้มีบัตรสองใบ
โดย paweena_c
3 เม.ย. 2566
34 views
เลือก(สัก)ตั้ง EP.3 : เลือกตั้ง66 ครั้งนี้มีบัตรสองใบ
การเลือกตั้งครั้งนี้จะต่างจากครั้งที่ผ่านๆมา เริ่มจากระบบเลือกตั้งเมื่อปี 2562 หรือการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว คือการเลือกตั้งครั้งที่แล้ว เรามี ส.ส. 500 คน และมี ส.ส.จาก สองระบบคือ ระบบแบ่งเขต และระบบสัดส่วน
โดยคราวที่แล้วมี ส.ส. แบบแบ่งเขต 350 คน ตามจำนวนเขตเลือกตั้งทั่วประเทศ และ จะมี ส.ส. แบบสัดส่วนได้อีก 150 คน ซึ่ง ส.ส. แบบสัดส่วน จะนำมาจากบัญชีที่แต่ละพรรคเสนอไว้ และนำมาเพิ่มเติม ในกรณีที่พรรคได้ ส.ส. แบบแบ่งเขตไม่ถึงจำนวน ส.ส.พึงมี
แต่แม้จะมี ส.ส.จากสองระบบ คราวที่แล้วเรากลับมีบัตรเลือกตั้งใบเดียว โดยใช้นับเป็นทั้งคะแนน ส.ส.แบ่งเขต และ เป็นคะแนนของพรรค โดยจะเอาทั้งประเทศมารวมกัน และหารด้วย 500 ก็จะได้คะแนนเฉลี่ยว่าหากจะมี ส.ส. หนึ่งคน ต้องได้คะแนนเสียงเท่าไหร่ จากนั้นก็ค่อยมาดูว่าพรรคได้คะแนนเท่าไหร่และควรจะมี ส.ส. กี่คน นี่เองที่เราเรียกว่า “ส.ส. พึงมี” ของแต่ละพรรค
หากพรรคใดมี ส.ส. เขตไม่ถึงจำนวนจำนวน ส.ส. พึงมี ก็จะนำรายชื่อที่อยู่ในบัญชีให้มาเป็น ส.ส.จนกว่าจะครบ แต่หากได้แบบแบ่งเขตครบแล้ว พรรคนั้นก็จะไม่มี ส.ส.แบบสัดส่วน
อย่างไรก็ตามคราวนี้ แม้จะยังคงจำนวน ส.ส. ไว้ที่ 500 ตามเดิม และมี สองระบบแบบเดิม แต่สิ่งที่ต่างออกไปคือ คราวนี้จะมี ส.ส. แบ่งเขต 400 คน และ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ 100 คน แต่สิ่งที่ต่างไปอย่างชัดเจนคือ คราวนี้ไม่มีการกำหนด “จำนวน ส.ส.พึงมี”
การไปเลือกตั้ง เราจะได้บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ ใบแรกคือแบ่งเขต ที่เมื่อลงคะแนนเสร็จก็จะนับคะแนนรวมในเขตเลือกตั้งของเรา และใบที่สองคือแบบบัญชีรายชื่อ หรือเป็นการเลือกพรรค ซึ่งจะใช้ทั้งประเทศเป็นเขตเลือกตั้ง โดยเอาคะแนนของผู้ที่ลงคะแนนทั้งประเทศมารวมกัน ก่อนที่จะหารด้วย 100 ซึ่งก็คือตัวเลขของจำนวน ส.ส. ในระบบบัญชีรายชื่อ
เราก็จะได้ค่าเฉลี่ยว่า หากจะมี ส.ส. บัญชีรายชื่อหนึ่งคน พรรคนั้นๆจะต้องได้คะแนนเสียงกี่คะแนน เช่น มีผู้มาใช้สิทธิ 35 ล้านคน เมื่อหารด้วย 100 จะเท่ากับว่า ถ้าพรรคการเมืองจะได้ ส.ส. หนึ่งคน ก็ต้องมีเสียงผู้ที่มาเลือก 350,000 เสียง
ดังนั้นหาก พรรค ก. ได้คะแนนในระบบบัญชีรายชื่อทั้งประเทศ 3,500,000 คน ก็จะมี ส.ส. ในระบบนี้ 10 คน ขณะที่พรรค ข.หากได้ 700,000 เสียง ก็จะมี ส.ส. ในระบบนี้ 2 คน โดย จำนวน ส.ส. ก็จะได้ลดหลั่นกันไปตามคะแนนที่ได้จนครบ 100 คน
และเมื่อได้ ส.ส. ครบทั้งสองแบบ สภาก็จะมี 500 คน โดย ส.ส. ทั้งสองแบบจะมีศักดิ์ สิทธิ์ และหน้าที่แบบเดียวกัน โดยไม่แบ่งแยกว่ามีที่มาจากไหน