เลือกตั้งและการเมือง

สภาหมื่นล้าน ‘วุฒิสภา’ จัดงานพบสื่อ เจอน้ำรั่วจากฝ้า สว.ต้องย้ายเก้าอี้หนี

โดย olan_l

10 ก.ย. 2567

69 views

วุฒิสภาจัดงานพบสื่อครั้งแรก ปรากฎน้ำรั่วสว.ต้องย้ายเก้าอี้หนี “3 ประมุขสภาสูง” ร่ายยาวเปิดใจ



วันนี้ (10 ก.ย.) ที่รัฐสภา วุฒิสภาจัดกิจกรรม “วุฒิสภาพบสื่อมวลชน“ Meet the Press เป็นครั้งแรกภายหลังจากการปฏิบัติหน้าที่วุฒิสภาชุดใหม่ โดยเป็นการเปิดให้สื่อมวลชนรับฟังทิศทางการทำงานของประธานและรองประธานวุฒิสภา รวมถึงการสนทนาแลก ความเห็นระหว่างวุฒิสภากับสื่อมวลชน ณ ห้อง 102-104 ริมน้ำ อาคารวุฒิสภา

โดยกิจกรรมนี้ นำโดยมงคล สุระสัจจะ ประธานวุฒิสภา พล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภา คนที่หนึ่ง นายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภา คนที่สอง ซึ่งระหว่างที่รอประธานวุฒิสภาเดินเข้าห้องประชุมเพื่อแลกเปลี่ยนความเห็นกับสื่อมวลชนพบว่า บริเวณที่สมาชิกวุฒิสภานั่งมีน้ำรั่วจากบริเวณฝ้าลงมาอย่างไม่ขาดสายทำให้ สว.ต้องย้ายเก้าอี้หนีน้ำรั่วโดยทันที

จากนั้นนายมงคล ได้กล่าวเปิดใจกับ สว. และ สื่อมวลชนถึงแนวทางการทำงานในตำแหน่งประธานวุฒิสภาว่า เมื่อทำหน้าที่ประธานการประชุมวุฒิสภาเมื่อตนยิ่งฟังก็ยิ่งเหมือนเด็กนักเรียนเพราะหลายท่านพูดในสิ่งที่ตนไม่รู้ เช่น ฟังเรื่องคนพิการ และคนชรา พอพูดจบตนก็ให้รองประธานทำหน้าที่แทนเพื่อจะลงไปพูดคุยกับสมาชิกที่อภิปรายเพราะสิ่งที่ท่านพูดตนก็คิดเช่นนั้นเพราะชีวิตทั้งชีวิต ก็ทำแบบนี้มาตลอด เช่นการได้ประชุมรัฐสภาร่วมกับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ร่วมกันครั้งแรกเมื่อพูดถึงเรื่องเทคโนโลยีสารสนเทศ เรื่องน้ำท่วมก็พูดเรื่องจริงตนนั่งฟังไม่เคยเบื่อที่สมาชิกพูดเพราะปกติคนวัยนี้จะง่วงแต่ตนไม่ง่วงเลย โดยการคิดต่างคือความงดงาม คือดอกไม้ที่หลากสี ต่างกันแต่ไม่แตกแยก

ดังนั้นคนเป็นประธานจะต้องมีอุเบกขา คือไม่โกรธไม่เกลียด รับได้ และต้องไม่หลงตนเอง เพราะถ้าหลงก็จะใช้อำนาจเหมือนตนเหนือกว่า ซึ่งหากไม่จำเป็นจริงๆ ตนก็จะไม่ติติงใคร ซึ่งนอกจากจะให้เกียรติกับทุกท่านแล้ว ตนพยายามเดินคุยมาตลอด จะไม่นั่งคนเดียว หรือฟังแต่สิ่งที่ตนเองถูกใจ สิ่งที่ตนไม่รู้ยังมีอีกมากการได้มาพบกับทุกคน ยิ่งกับสื่อมวลชน ที่ช่วยดูแลทำข่าว ยิ่งเป็นเรื่องที่ดี โดยศูนย์รวมคือชาติศาสนา พระมหากษัตริย์ คือความผาสุกของประชาชน มีอะไรก็ติติงได้ตนยินดีน้อมรับ จะพยายามทำให้ดีที่สุด

ประธานวุฒิสภา ยังกล่าวว่า ภารกิจของบ้านเมืองเป็นหลักเรื่องส่วนตัวเมื่อทำหน้าที่แล้วต้องตัดออก จะต้องยอมสละเวลา ทุ่มเทเวลาเพราะ มีคนอยู่สองวัยคือวัยหนึ่งเป็นวัย 40-50 ปี เป็นคนร่วมสมัยมีประสบการณ์สูง และตนถือเป็นวัยสุดท้ายที่ทำอะไรไม่ได้ ไม่มีข้อแก้ตัว ว่าสิ่งที่ผิดพลาดไปสิ่งที่จะต้องทำจะต้องทำอย่างสุจริต คือเป้าหมายที่สำคัญที่สุด

ด้านพล.อ.เกรียงไกร ศรีรักษ์ รองประธานวุฒิสภาคนที่หนึ่ง กล่าวถึงการทำหน้าที่รองประธานวุฒิสภาของตนเองว่า จากการรับราชการของตนเองกว่า 30 ปี มาเป็นวุฒิสภา ซึ่งตนเองไม่ได้ตั้งใจมาทำหน้าที่ดังกล่าว แต่หวังเป็นเพียงวุฒิสภา เพื่อสร้างสันติสุขให้เกิดในจังหวัดชายแดนใต้ โดยไม่ต้องเป็น สส. ดังนั้น แต่ก็เหนือความความหมาย ได้มาทำหน้าที่รองประธานวุฒิสภา ตามที่ประธานวุฒิสภามอบหมาย ทั้งการประสานงานกับ สว., กิจการวุฒิสภา และการพบปะผู้แทนองค์กรต่าง ๆ ดังนั้น ด้วยความตั้งใจในการทำหน้าที่ สว. และได้รับความไว้วางใจให้มาทำหน้าที่รองประธานวุฒิสภา ก็จะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด พร้อมยอมรับว่า อาจมีข้อบกพร่องบ้างเป็นธรรมดา

พล.อ.เกรียงไกร ยังยอมรับอีกว่า จากการทำหน้าที่รองประธานวุฒิสภา รับฟัง สว.อภิปราย ก็ทำให้ทราบมุมมองใหม่ ๆ แม้ตนเองอยากจะอภิปรายบ้าง แต่ก็ไม่สามารถทำได้ เพราพจะต้องทำหน้าที่รองประธานวุฒิสภา พร้อมยืนยันว่า ตนเองพร้อมรับฟังความเห็นที่หลากหลายของวุฒิสภา

พล.อ.เกรียงไกร ยังมั่นใจว่า สว. 200 คนชุดนี้ จะสามารถสร้างสรรค์ผลงานถึงประชาชนได้

ขณะที่นายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภาคนที่สอง กล่าวว่า ตนชินแล้ว พอได้เห็นหน้าค่าตาสื่อมวลชนประจำ กกต. เจอคำถามหนักๆ มาตั้งแต่เป็น กกต.แล้ว การให้สัมภาษณ์เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้ตนมาเป็นรองประธานวุฒิสภา พวกเราต้องใช้กฎหมายรัฐธรรมนูญ พ.ร.ป. ข้อบังคับเดียวกัน การทำหน้าที่บนบัลลังก์ต้องระมัดระวังด้วย มีหลายครั้งที่ตนอยากจะพูดว่าบนบัลลังก์แต่พูดไม่ได้

"เรามือใหม่ด้วยกันทั้งหมด เป็นเรื่องที่ต้องระมัดระวังนิดหนึ่งหรือแม้กระทั่งการรักษาเวลาในการพูดก็ต้องรักษา บางทีพูดจบแล้วหาทางลงไม่ได้บางทีการหารือก็ต้องเป็นเรื่องความเดือดร้อนของประชาชนจริงๆ ไปกำชับท่านมาก ท่านก็หาว่าผมอีกเคร่งครัด ทำงานไปเรื่อยๆก็คงสนิทไปเรื่อยๆ ขอขอบคุณสมาชิกทุกท่านที่ให้ความร่วมมือ" นายบุญส่ง กล่าว

นายบุญส่ง กล่าวอีกว่า สำหรับสื่อมวลชนคงไม่มีอะไรจะฝาก ตนฝากประเด็นให้ท่านขยายต่อเรื่องภารกิจด่วนของรัฐบาล ตนเห็นว่าหลายประเด็นเป็นประเด็นที่กระทบกระเทือนกับผลประโยชน์ของประเทศชาติ ประเด็นแรกการเปิดเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ และการให้เช่าที่ดิน 99 ปี

"เป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัส เราคงจะพูดกันอีกยาว ในการแถลงการณ์นโยบายของรัฐบาลพวกเราควรจะถาม พวกเราควรจะชี้ให้เห็นว่ามันไม่ชอบอย่างไร วุฒิสภาเราไม่ควรเห็นด้วย 99 ปี เราไม่ใช่เมืองขึ้น จะเอาแบบฮ่องกง มาเก๊า พวกเราไม่ใช่ ฝากสื่อนิดหนึ่ง ควรจะตั้งเป็นคำถามไว้ตอบสังคมและประชาชน" นายบุญส่ง กล่าว

นายบุญส่ง ย้ำกับสื่อมวลชนว่า ตนอยากทราบที่มาของวุฒิสภาชุดตน ควรจะปรับปรุงควรจะแก้ไขอย่างไรหรือไม่

นายบุญส่ง ยังกล่าวถึงเป้าหมายในการขับเคลื่อนภารกิจด้านนิติบัญญัติว่า ตนมาตรงนี้ไม่ได้คิดว่าเป็นประโยชน์หรือไม่เป็นประโยชน์อะไร ไปสมัครก็คิดว่าจะไม่ได้เป็น เป็นแล้วก็ไม่ได้คิดว่าเป็นรองประธาน เพราะอยากรู้ว่าระบบเป็นอย่างไร ทำไมคนอีกหลายคนไม่รู้ว่าการเลือก สว.เป็นอย่างไร ตนไม่เห็นด้วยกับเงิน 2,500 บาท การใช้สิทธิเสรีภาพไม่ควรมีตรงนี้เข้ามา โดยเฉพาะระเบียบข้อบังคับของ กกต.หลายเรื่อง สุดท้ายชีวิตก็เป็นแบบนี้

"ทำอย่างไรให้ผลงานที่สุดเท่าที่ทำได้ ไม่เสียเวลากับการโต้เถียงในการประชุมกัน มีเรื่องขัดกันไปคาดกันมา ผมไม่สบายใจ มันทำให้ดีกว่านี้เยอะ ถ้าจะทำ อะไรที่สร้างสรรค์ได้ก็น่าจะทำ" นายบุญส่ง กล่าว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าการจัดกิจกรรมในวันนี้ พญ.เกศกมล เปลี่ยนสมัย สว.คนดัง ไม่ได้มาร่วมงานด้วยแต่อย่างใด

คุณอาจสนใจ

Related News