เลือกตั้งและการเมือง

พรุ่งนี้! สว.เปิดอภิปรายรัฐบาล ไม่มีการลงมติ เน้นการตั้งคำถาม-ชี้แจง ในนโยบายที่เคยแถลงกับรัฐสภา

โดย parichat_p

24 มี.ค. 2567

53 views

วันพรุ่งนี้ สมาชิกวุฒิสภา จะเปิดอภิปรายรัฐบาล โดยไม่มีการลงมติ โดยเน้นไปที่การตั้งคำถามให้ชี้แจง ในนโยบายที่เคยแถลงไว้กับรัฐสภา ขณะที่นายกรัฐมนตรี ได้เปิดเผยว่า รัฐมนตรีทุกคน พร้อมตอบทุกคำถาม


นายเสรี สุวรรณภานนท์ สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานคณะกรรมการพัฒนาการเมือง และการมีส่วนร่วมของประชาชน วุฒิสภา เปิดเผยถึงการยื่นญัตติขออภิปรายทั่วไปของสมาชิกวุฒิสภา เพื่อให้คณะรัฐมนตรีแถลงข้อเท็จจริง หรือชี้แจงแนวทางปัญหาสำคัญ เกี่ยวกับการบริหารราชการแผ่นดิน โดยไม่ลงมติตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 153 ว่า เขาจะเป็นผู้กล่าวเปิดต่อที่ประชุมเป็นคนแรก ถึงเรื่องหลักการ และวัตถุประสงค์ในการเปิดอภิปรายทั่วไป รวมถึงแนวทางการทำงานของรัฐบาล และข้อเสนอแนะต่างๆ ส่วนในรายละเอียด ได้วางตัวผู้อภิปราย คงไม่ได้เน้นอะไรเป็นพิเศษ อยู่ที่ สว.แต่ละคน ที่เตรียมประเด็นเอาไว้


ส่วนมีการตั้งธงกับการอภิปรายในครั้งนี้อย่างไรนั้น มีการตั้งทิศทางไว้ ให้รัฐบาลรับทราบ รับรู้ปัญหา ที่ สว. นำเสนอในด้านต่างๆ และอาจจะขอให้รัฐบาลแถลงชี้แจงตามที่ สว. อภิปราย ว่าจะนำไปดำเนินการต่อไปในการบริหารประเทศอย่างไร ย้ำว่า ไม่ได้มีความกังวล ตามกระแสข่าว ที่ระบุ นายกรัฐมนตรีอาจจะไม่เข้ามาตอบคำถามต่างๆ


นายสถิตย์ ลิ่มพงษ์พันธ์ สมาชิกวุฒิสภา ได้เปิดเผยถึงการอภิปราย ว่า ตนจะอภิปรายคนแรกในหัวข้อเศรษฐกิจ โดยจะเน้นไปที่นโยบายระยะปานกลาง และระยะยาวของรัฐบาล ซึ่งจะถามรัฐบาลว่า ได้ทำอะไรไปบ้างแล้วตามที่ได้แถลงไว้ต่อรัฐสภา แล้วจึงให้ข้อเสนอแนะ และหลังจากนั้น ผู้อภิปรายคนถัดไป จะลงรายละเอียดในแต่ละนโยบาย หรือโครงการอื่นๆ ของรัฐบาลต่อไป ทิ้งท้ายว่า ขอให้รอฟังในวันพรุ่งนี้


ขณะที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ระหว่างลงพื้นที่จังหวัดนครราชสีมา ถึงการชี้แจงในญัตติอภิปรายทั่วไปตามมาตรา 153 ของสมาชิกวุฒิสภาว่า ให้เป็นไปตามที่รองนายกรัฐมนตรีแต่ละคนกำกับดูแล และได้มีการกำชับรัฐมนตรีทุกคนว่าจะต้องอยู่ที่สภา ซึ่งนายกรัฐมนตรีเอง จะพูดเรื่องเศรษฐกิจ และเรื่องที่เกี่ยวข้องทั้งหมด ยืนยันว่าทุกคนมีความพร้อม


เมื่อถามว่าการอภิปรายอาจจะมีการเชื่อมโยงถึงนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เรื่อง ของกระบวนการยุติธรรม นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ก็ต้องให้รัฐมนตรีที่ดูแล ทั้งนายพีระพันธ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรีในฐานะกำกับดูแลกระทรวงยุติธรรม และ พันตำรวจเอก ทวี สอดส่อง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม เป็นผู้ตอบ ซึ่งมั่นใจว่าดำเนินการตามกระบวนการยุติธรรม และไม่ได้มีการกำชับรัฐมนตรีเป็นพิเศษ เพราะมั่นใจว่าเราทำทุกอย่างถูกต้องตามกฎหมายอยู่แล้ว


ส่วนเรื่อง Digital wallet 10,000 บาท ที่คาดว่าจะมีการอภิปรายด้วยนั้น นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า พรุ่งนี้นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง จะแถลงข่าวที่อาคารรัฐสภา ตอนนี้ปลัดกระทรวงการคลังกำลังทำไทม์ไลน์อยู่เข้าใจว่าทุกคนมีความเป็นห่วงเรื่องนี้ ส่วนจะมีการขยับไทม์ไลน์หรือไม่ ต้องรอฟังการแถลงข่าวที่สภาในวันพรุ่งนี้ และเมื่อฟังการแถลงแล้วยังมีอะไรที่ข้องใจอยู่ก็พร้อมตอบให้โอกาสเราแถลงพรุ่งนี้ก่อน


ศูนย์สำรวจความคิดเห็น "นิด้าโพล" สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ เปิดเผยผลการสำรวจของประชาชน เรื่อง "การสำรวจคะแนนนิยมทางการเมือง รายไตรมาส ครั้งที่ 1/2567" ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 11-13 มีนาคม 2567 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป กระจายทุกภูมิภาค ระดับการศึกษา อาชีพ และรายได้ ทั่วประเทศ รวมทั้งสิ้น จำนวน 2,000 หน่วยตัวอย่าง เกี่ยวกับคะแนนนิยมทางการเมือง 


จากการสำรวจเมื่อถามถึงบุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ พบว่า

อันดับ 1 ร้อยละ 42.75 ระบุว่าเป็น นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ พรรคก้าวไกล

อันดับ 2 ร้อยละ 20.05 ระบุว่า ยังหาคนที่เหมาะสมไม่ได้

อันดับ 3 ร้อยละ 17.75 ระบุว่าเป็น นายเศรษฐา ทวีสิน พรรคเพื่อไทย

อันดับ 4 ร้อยละ 6.00 ระบุว่าเป็น นางสาวแพทองธาร ชินวัตร พรรคเพื่อไทย

อันดับ 5 ร้อยละ 3.55 ระบุว่าเป็น นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค พรรครวมไทยสร้างชาติ


เมื่อถามถึงพรรคการเมืองที่ประชาชนจะสนับสนุนในวันนี้ พบว่า

อันดับ 1 ร้อยละ 48.45 ระบุว่าเป็น พรรคก้าวไกล 
อันดับ 2 ร้อยละ 22.10 ระบุว่าเป็น พรรคเพื่อไทย

อันดับ 3 ร้อยละ 12.75 ระบุว่า ยังหาพรรคการเมืองที่เหมาะสมไม่ได้

อันดับ 4 ร้อยละ 5.10 ระบุว่าเป็น พรรครวมไทยสร้างชาติ

อันดับ 5 ร้อยละ 3.50 ระบุว่าเป็น พรรคประชาธิปัตย์


ทั้งนี้ เมื่อเทียบกับผลสำรวจคะแนนนิยมของนิด้าโพลเมื่อไตรมาสที่แล้วคือเดือนธันวาคม 2566 ทั้งนายพิธาและพรรคก้าวไกล นอกจากจะยังคงเป็นอันดับหนึ่งแล้ว ยังได้คะแนนเพิ่มขึ้นกว่าเดิมด้วย คะแนนนิยมของนายพิธาเพิ่มจาก 39.40% เป็น 42.75% ขณะที่พรรคก้าวไกลคะแนนนิยมเพิ่มจาก 44.05% เป็น 48.45%


นายเศรษฐา​ ทวีสิน​ นายกยกรัฐมนตรี กล่าวในเรื่องนี้ว่า เราต้องรับฟังโพล เพราะผลโพลสะท้อนความคิดของประชาชน แต่การทำโพลมีหลายแบบ เช่น ในพื้นที่ต่างๆ ซึ่งมีความไม่แน่นอนเช่นเรื่องกลุ่มตัวอย่างที่อาจมีความคลาดเคลื่อนได้ หรืออาจจะไม่ได้เป็นกระจกสะท้อนความเป็นจริง แต่ก็ถือเป็นโพลโพลหนึ่ง​ ซึ่งเราก็ต้องรับฟังและมีหน้าที่ที่ต้องทำต่อไป ถึงแม้จะทำงาน​ 6-7 เดือนแล้วก็ตาม อีกทั้งงบประมาณปี​ 2567 ก็เพิ่งผ่านการพิจารณาสภาผู้แทนราษฎร​ เมื่อวันศุกร์นี้เอง​ ซึ่งก็จะใช้ระยะเวลาอีกเดือนหนึ่งกว่าจะใช้งบประมาณได้


ส่วนที่ผ่านมาพอใจการทำงานของรัฐมนตรี แต่ละกระทรวงหรือไม่ นายกรัฐมนตรีกล่าวว่า ไม่ ผมไม่พอใจการทำงานของตัวเอง ไม่พอใจการทำงานของรัฐมนตรีทุกท่าน เพราะทุกอย่างทำให้ดีขึ้นได้อีก เพราะอันนี้คือชีวิตจริง เราต้องไม่พอใจเรื่องพวกนี้ เพราะความเดือดร้อนของประชาชนยังมีอยู่ ในทุกเรื่องตัวเราเองต้องพยายามทำต่อ ถึงได้ลงมาในพื้นที่รับฟังความคิดเห็นของประชาชน จะได้นำไปปรับวิธีการทำงานต่อไป

คุณอาจสนใจ

Related News