เลือกตั้งและการเมือง

ผบ.ตร.สั่งสอบเหตุการณ์สลายม็อบเอเปค หาหลักฐานจนท.ใช้ความรุนแรง ยันให้ความเป็นธรรมทุกฝ่าย

โดย panwilai_c

20 พ.ย. 2565

108 views

แม้ว่าการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค 2022 จะปิดฉากลงไปแล้ว แต่ยังมีผลพวงจากเหตุการณ์สลายการชุมนุมกลุ่มราษฎรหยุดเอเปคและเครือข่าย ที่บริเวณถนนดินสอเมื่อวัน 18 พฤษภาคมที่ผ่านมา ซึ่งเมื่อวานนี้ทางแกนนำผู้ชุมนุมเดินทางไปแจ้งความเอาผิด ตำรวจและผู้ที่ก่อเหตุใช้กำลังสลายการชุมนุม และล่าสุดวันนี้ทางโฆษกพรรคก้าวไกลได้ออกมาเรียกร้องรัฐบาลและตำรวจ ให้ตรวจสอบกรณีเจ้าหน้าที่ใช้กำลังทำร้ายประชาชนจนผู้ชุมนุมหลายคนบาดเจ็บและรายหนึ่งอาจถึงขั้นตาบอด



นายรังสิมันต์ โรม ส.ส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะโฆษกพรรคก้าวไกล เรียกร้อง กรณีการสลายการชุมนุมราษฎรหยุดเอเปค ของเจ้าหน้าที่ตำรวจควบคุมฝูงชน ที่บริเวณถนนดินสอ เมื่อวันที่ 18 พฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยมองว่า กลุ่มราษฎรหยุดเอเปค มีข้อเรียกร้องหลายประการ เกี่ยวข้องกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แต่นำไปสู่ความรุนแรงและจับกุมผู้ชุมนุมไปดำเนินคดี 25 คน และเกือบทุกคนได้รับบาดเจ็บ โดยเฉพาะนายพายุ ดาวดิน ถูกยิงด้วยกระสุนยางเข้าที่ดวงตา อาจจะไม่สามารถกลับมามองเห็นได้เหมือนเดิม



นายรังสิมันต์ ระบุว่า นอกจากนายพายุแล้ว ยังมีสื่อมวลชนที่ถูกทำร้าย ทั้งที่นักข่าวสวมปลอกแขนชัดเจน มองว่าสิ่งเหล่านี้ทำให้เกิดบรรยากาศที่เต็มไปด้วยความรุนแรง เป็นความรู้สึกที่ทำให้ประชาชนไม่สามารถไว้วางใจกระบวนการยุติธรรมได้



พร้อมทั้งได้เรียกร้อง 3 ข้อ คือ ให้ตำรวจสอบสวนการทำร้ายประชาชน การใช้กระสุนยางยิงผู้ชุมนุม / ต้องมีการหยุดการใช้กฎหมายเพื่อกลั่นแกล้งประชาชน ยกเลิกข้อกล่าวหาที่ดำเนินคดี ตั้งแต่ชั้นตำรวจและอัยการ และให้รัฐบาลรับฟังเสียงประชาชน ไม่ให้มีการใช้อำนาจเพื่อทำร้ายประชาชนอีก



ทางด้านพลตำรวจเอกดำรงศักดิ์ กิตติประภัสร์ ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ระบุ ถึงเหตุการณ์เดียวกัน ว่า ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนการตรวจสอบรูปภาพ ที่ปรากฏตามโซเชี่ยล และที่ฝ่ายของตำรวจบันทึกเอาไว้ แต่ยืนยันว่า ตำรวจให้ความเป็นธรรมกับผู้บาดเจ็บทุกคน และหากพบว่า ตำรวจปฏิบัติด้วยความรุนแรงจริงก็จะต้องมีบทลงโทษตามขั้นตอน



ส่วนการเยียวยา สื่อมวลชน ที่ได้รับบาดเจ็บก็เป็นไปตามมาตรการ แต่ที่ผ่านมา เหตุการณ์การชุมนุมก่อนหน้าเคยมีกรณีที่สื่อมวลชนไปฟ้องร้องตำรวจในชั้นศาลมาแล้ว ตำรวจก็ยึดตามมาตรฐานหากมีผลชี้ขาดออกมาว่าผิดจริง



และยอมรับว่า การควบคุมสื่อ ค่อนข้างเป็นไปได้ยาก เพราะสื่อมีจำนวนมากทำให้การดูแลและอำนวยความสะดวกไม่ทั่วถึง แต่หลังจากนี้ จะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาตรวจสอบ และหามาตรการระหว่างการทำงานของตำรวจกับสื่อให้มีความเข้าใจกันมากขึ้น

คุณอาจสนใจ

Related News