สังคม
ชาวบ้านข้องใจ ผลประชุม JBC ถามเหตุใดต้องสำรวจ-ทำหมุดชั่วคราว “บ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้ว” ฝ่ายความมั่นคง ยันเป็นคุณกับไทย
23 ต.ค. 2568
85 views
ภายหลังการประชุม JBC ไทย-กัมพูชา ที่ จ.จันทบุรี เสร็จสิ้น โดยผลการประชุม ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องต่อกระบวนการสำรวจและจัดทำหมุดชั่วคราวอย่างเร่งด่วน บริเวณหลักเขตแดนที่ 42-47 ในพื้นที่บ้านหนองจาน-บ้านหนองหญ้าแก้ว เพื่อให้เกิดความเข้าใจที่ชัดเจน
ประเด็นนี้ทีมข่าวได้สำรวจความเห็นชาวบ้าน “บ้านหนองจาน” ส่วนใหญ่สะท้อนว่า ไม่เห็นด้วย และข้องใจ เหตุใดถึงต้องจัดทำหมุดชั่วคราวอย่างเร่งด่วน บริเวณหลักเขตแดนที่ 42-47 ในเมื่อมีและชัดเจนอยู่แล้วว่าเป็นอธิปไตยของไทย โดยบางคนถึงขั้นมองว่าไทยเสียเปรียบจากผลการประชุมเจรจาครั้งนี้
โดยประเด็นดังกล่าวทีมข่าวได้พูดคุยกับคุณประภารัตน์ หนึ่งในชาวบ้านบ้านหนองจาน ตั้งคำถามกลับทันทีว่า จะทำหมุดชั่วคราวเพื่ออะไร เรามีหมุดอยู่แล้วตั้งแต่ช่วงพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว (ร.5) ท่านทำไว้อยู่แล้วตั้งแต่สนธิสัญญาฝรั่งเศส อีกทั้งชาวบ้านก็มีเอกสารสิทธิ์ มองว่าอาจทำให้เราเสียเปรียบและเพลี่ยงพล้ำต่อเขมร หากทำหลักหมุดชั่วคราวแล้วเราจะเสียแผ่นดินไปอีกหรือไม่
ส่วนประเด็นที่ผลการประชุมบอกว่า เมื่อทั้งสองฝ่ายดำเนินการสำรวจและวางหมุดชั่วคราวเสร็จสิ้นแล้ว จะนำผลการสำรวจดังกล่าวเสนอต่อรัฐบาลเพื่อขอความเห็นชอบ เพื่อกำหนดกลไกที่เหมาะสมสำหรับการปรับการถือครองที่ดินของทั้งสองฝ่ายต่อไป คุณประภารัตน์ กล่าวว่า “ชาวบ้านเขามีเอกสารสิทธิ์ไว้เป็นหลักฐานอยู่แล้ว ทำไมถึงไม่ยึดหลักฐานตรงนี้ ไม่เห็นด้วยกับการเจรจาครั้งนี้”
ขณะเดียวกัน ก็มองว่า เป็นการเปิดเผยรายละเอียดเพียงเบื้องต้น อยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องนำข้อมูลมาชี้แจงกับประชาชนให้หมด แต่ได้ยินว่าจะนำข้อมูลทั้งหมดในรัฐบาลก่อน เรื่องนี้ก็มองว่า คนที่ที่ไปก็ไม่สามารถตัดสินใจอะไรได้แล้วเราคุยแบบนี้ ก็เหมือนเป็นการเตะถ่วงเวลาเพื่อให้ไทยเราเสียเปรียบ
ส่วนกรณีที่ “ทูตประศาสน์” เผยว่า “กัมพูชา” ขอไม่ให้ใช้คำว่า “โยกย้ายหรือถอนทำลาย” แต่ให้ใช้คำว่า “ปรับการถือครองที่ดิน” ปมบ้านหนองจาน-หนองหญ้าแก้ว มองว่าเรื่องนี้เป็นเกมของเขมร พยายามใช้คำพูดเลี่ยงบาลี รู้สึกงงว่าเลี่ยงทำไม เพราะอธิปไตยของไทยก็คือของไทย ควรใช้คำว่าผลักดันเพราะทั้งหมดนี้คือที่ของไทย คุณเข้ามาในที่ที่ไม่ใช่ของคุณต้องผลักดันออกไป เพราะเจ้าของเขามีอยู่
ส่วนประเด็นสร้างรั้ว “เขมร” บอกไม่มีอำนาจ เลยนำออกจากวาระ มองอย่างไรบ้างนั้น คุณประภารัตน์ ยังย้ำว่า แบบนี้คือการเตะถ่วงเวลา หากไม่มีอำนาจแล้วจะมาพูดคุยทำไม ส่วนเรายังไปพูดคุยอีกทำไม แบบนี้มองว่าเขาต้องการทำให้ยืดเยื้อ
ขณะที่อีกคน คุณนงรัตน์ ชาวบ้านบ้านหนองจาน ซึ่งเป็นอีกหนึ่งคนที่เป็นแกนนำชาวบ้านทวงคืนอธิปไตยไทยบ้านหนองจาน เธอสะท้อนว่า ไม่เห็นด้วยสำรวจและจัดทำหมุดชั่วคราวอย่างเร่งด่วน บริเวณหลักเขตแดนที่ 42-47 งงว่าจะไปสำรวจอีกทำไม สรุปกันแล้วมันคืออธิปไตยไทย และหากจะทำทั้งทีควรทำให้ถึงหลักเขตที่ 50
ส่วนประเด็นที่เขมรอยากให้ใช้คำว่าปรับการถือของที่ดินแทนการโยกย้ายหรือถอนทำลายนั้น คุณนงรัตน์ ถึงกับร้องโอ้ย แล้วบอกว่า กัมพูชาเล่นแง่ มองว่ามันต้องใช้คำว่าอพยพ สากลที่สุด แต่แบบนี้คือเหลี่ยม! แล้วขอฝากคำถามไปถึงท่านๆ ทั้งหลายว่าเหตุใดถึงยอม ทำไมไม่ใช่คำว่า อพยพ เพราะสากลอยู่แล้ว “อพยพก็คืออพยพ”
อีกทั้งมองว่า การประชุมครั้งนี้ไทยเสียเปรียบ จนตัวเองถึงกลับมาตั้งคำถามอีกครั้ง จากตอนแรกที่มีความหวังว่าใกล้ได้อธิปไตยถ่ายและที่ดินของเราคืนแล้วว่าสรุปว่าฉันจะได้คืนหรือไม่ แต่อย่างไรก็ตามเราก็ไม่ได้อยากให้ใครได้รับบาดเจ็บหรือเสียเลือดเสียเนื้อ ก็ควรใช้วิธีการเดิมที่ค่อยๆ ผลักดันออกไป
“เห็นได้ชัดว่า ตอนนี้เราเสียพื้นที่ให้เขาอยู่ จากการให้เขาเข้ามาตอนอพยพ แต่เขาไม่ได้ถอยออกไป หากพูดว่าตอนนี้เป็นการประนีประนอม ขอตั้งคำถามพูดง่ายๆ ว่า คือการไม่ให้เขาออกไปใช่หรือไม่กับการไปทำหลักหมุด แต่ควรจี้ให้เขาส่งแผน ทำแผนอพยพฯ เหมือนที่ผู้ว่าฯ สระแก้วทำ มันถึงดูมีการเดินหน้าของไทยมากกว่า แต่นี่เป็นการทำหลักหมุด และทำก็ทำไม่สุดทำไปถึงแค่หลัก 47 เท่านั้น แต่มันมีมากกว่านั้นที่เป็นปัญหาซุกไว้ใต้พรหมมายาวนาน หรือเรื่องนี้มีใครเตะถ่วง หรือเกี่ยวข้องกับผลประโยชน์ของใครหรือไม่?”
ด้าน “ฝ่ายความมั่นคงในพื้นที่” ให้ข้อมูลทีมข่าวช่อง 3 ระบุว่า ผลการประชุม JBC ครั้งนี้ เชื่อว่าจะเห็นเป็นรูปธรรม ย้ำ การสำรวจปักหมุดเขตแดนชั่วคราว “เป็นคุณกับไทย” เชื่อ เห็นเป็นรูปธรรม หากปักหมุดแล้วพบเขมรรุกล้ำ เขมรต้องยอมย้ายออกหลังเซ็นรับรองใน JBC เผยประชาชนอาจยังไม่เข้าใจเชิงลึก รัฐบาลต้องเร่งสื่อสารเรื่องนี้
แท็กที่เกี่ยวข้อง