เลือกตั้งและการเมือง
“หมอวาโย” โชว์แผนภาพความสัมพันธ์ ตั้งข้อสงสัยคะแนนเลือก สว. กระจุกตัว ทำ สว.ท้วงเดือดเดี๋ยวเจอกัน
29 ก.ย. 2568
40 views
“หมอวาโย” โชว์แผนภาพความสัมพันธ์ ตั้งข้อสงสัยคะแนนเลือก สว.กระจุกตัว หนุนสมมติฐานการฮั้ว ชี้พิรุธใส่เสื้อเหลืองแบบเดียวกัน ทวงสัญญา “อนุทิน” ไม่แทรกแซงกระบวนการ ทำ สว. ประท้วงเดือด “ประเทือง” ลั่นถ้าอยากอภิปราย สว. เดี๋ยวเจอกัน จน “วันนอร์” สั่งให้ถอน ก่อนขอให้ข้ามรายละเอียดการฮั้ว หวั่นวุ่นไม่จบ แม้ “สส.ประชาชน” รุมท้วงให้ทำหน้าที่เป็นกลาง
วันที่ 29 ก.ย. 2568 ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา วาระเรื่องด่วน 1 คณะรัฐมนตรีแถลงนโยบายต่อรัฐสภา ตามมาตรา 162 ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย ที่มีนายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานสภาผู้แทนราษฎร เป็นประธานในการประชุม นายแพทย์วาโย อัศวรุ่งเรือง สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) แบบบัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ร่วมอภิปรายนโยบายรัฐบาล ว่า ตนเองตรวจสอบนโยบายด้านกระบวนการยุติธรรมของรัฐบาล โดยในนโยบายที่ 9 จะรักษาหลักนิติธรรมอย่างเคร่งครัด และจะทำให้พฤติกรรมดังต่อไปนี้ เป็นความผิดอาญาร้ายแรง และผิดวินัยร้ายแรง รวมถึงจะดำเนินการขั้นเด็ดขาด ตนเองสนับสนุนอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในเรื่องการใช้กฎหมาย และเจ้าหน้าที่ของรัฐไปเพื่อประโยชน์ทางการเมือง ซึ่งตนเองยังไม่ได้ฟังคำมั่นสัญญาจากนายกรัฐมนตรี พร้อมย้ำว่าทั้งหมดตั้งอยู่บนสมมุติฐาน ตนเองเชื่อว่าการเลือก สว. ไม่มีการฮั้ว ตนเองเชื่ออย่างนั้น
นายแพทย์วาโย ระบุว่า ในการเลือก สว. ระดับประเทศมีการเลือกกันเองในกลุ่มจาก 154 คนให้เหลือ 40 คน จากนั้น จะเลือกแบบไขว้ 40 คนให้เหลือ 10 คน ซึ่งจะพบว่ามีบางคนที่คะแนนสูง ซึ่งถือว่าเป็นไปได้ เพราะบางคนเป็นคนที่เด่น และดัง แต่คะแนนในทุกกลุ่มเป็นแบบนี้ทั้งหมด คะแนนแยกและห่างกันอย่างชัดเจน
ส่วนปัจจัยที่ทำให้น่าเชื่อถือว่ามีการฮั้ว สว. นั้น จะมี 3 ประเด็น ได้แก่ ปรากฏการณ์เสื้อเหลืองหรือเน็คไทเหลือง มีโพย และมีความผิดปกติของคะแนน
นายแพทย์วาโย กล่าวว่า กลุ่มคนเสื้อเหลืองมารถตู้คันเดียวกัน และนำมาด้วยรถที่มีทะเบียนจังหวัดบุรีรัมย์ เมื่อมาถึงแล้วนั่งรวมกลุ่มกัน ก็ถือว่าไม่ได้แปลกอะไร ซึ่งที่พูดมาทั้งหมดเป็นเรื่องของความรู้สึก แต่ถ้าเราจะคุยกันเรื่องความรู้สึก ก็ไม่ค่อยเหมาะสม จึงเอาข้อมูลไปทำด้วยอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์
นายแพทย์วาโย ยกตัวอย่าง แผนภาพความสัมพันธ์และความใกล้ชิดของการลงคะแนนในรอบเช้ากับการใส่เสื้อเหลืองของกลุ่มอาชีพที่ 1 จะพบว่าขนาดของวงกลมที่ยิ่งใหญ่ จะได้คะแนนเยอะ เส้นที่เชื่อมต่อกันเป็นเส้นโยงคะแนนที่โหวตให้ ระยะห่างระหว่างวงกลมคือความเหมือนของบัตรลงคะแนนที่มีความใกล้กันมาก
ทำให้นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สมาชิกวุฒิสภา (สว.) ได้ลุกขึ้นขอให้ประธานวินิจฉัย โดยระบุว่า ที่พูดอภิปรายอยู่ในขณะนี้ไม่ได้เกี่ยวข้องกับการแถลงนโยบาย แม้แต่นิดเดียว นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่ในการประชุมขณะนั้นได้ขอให้นายแพทย์วาโย อภิปรายมีอยู่ในเรื่องของนโยบาย เพราะเรื่องนี้อยู่ในระหว่างกระบวนการยุติธรรม
นายแพทย์วาโย ระบุว่า ที่ตนเองยกตัวอย่างเพราะอยากให้เห็นถึงกระบวนการ ซึ่งตนเองเป็นประชาชนคนหนึ่งที่พยายามตั้งข้อสังเกต และติดตามเรื่องนี้ว่ามีความผิดปกติอย่างไร ก็ขอฝากผ่านประธานไปถึงรัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรี ที่มีการแถลงนโยบายว่าจะไม่เข้าไปแทรกแซงในเรื่องนี้ และหากมีใครเข้าไปแทรกแซง หรือยุ่งเกี่ยว และใช้ผลประโยชน์จากเจ้าหน้าที่ หรือกระบวนการยุติธรรม หรือองค์กรอิสระ จะดำเนินคดีอาญาอย่างเด็ดขาดอย่างที่ ศ. บวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี ตั้งข้อสังเกตกับนายกรัฐมนตรีเช่นเดียวกัน
นายแพทย์วาโย อภิปรายต่อว่า ภาพที่ควรจะเป็นคือการกระจายเท่า ๆ กันไม่ได้มีการแยกกันออกไป แต่ในกลุ่มที่กระจุกกัน เป็นคนที่ใส่เสื้อสีเหลืองคิดเป็นกว่า 30% แต่เมื่อดูความสัมพันธ์ของใบลงคะแนน จะอยู่ในคนที่อยู่ในกลุ่มวงกลมที่หนึ่ง และวงกลมที่สอง
ระหว่างนั้น พลตำรวจโทบุญจันทร์ นวลสาย สมาชิกวุฒิสภา ในฐานะประธานกรรมาธิการกฎหมายและการยุติธรรมวุฒิสภา ได้ลุกขึ้นประท้วงว่า เรื่องทั้งหมดนี้อยู่ในกระบวนการยุติธรรมแล้ว การพูดส่วนหนึ่งเป็นการชี้นำคนที่ไม่ทราบในรายละเอียดและอาจมองว่า สว. ทำอย่างไร คิดว่าเรื่องนี้พอแล้วให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินการดีกว่า
นายวันมูหะมัดนอร์วินิจฉัยว่า เรื่องนี้รายละเอียดเกินไป สมาชิกอาจจะเกี่ยวข้องด้วย เอาประเด็นให้ชัดว่าเรื่องนี้จะให้รัฐบาลทำอย่างไร ถ้าเกี่ยวกับนโยบายของรัฐบาลข้อไหน ก็ให้บอก หากเล่นรายละเอียดแบบนี้ มันเป็นการก้าวก่ายกระบวนการยุติธรรมของศาล
นายณัฐชา บุญไชยอินสวัสดิ์ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) กรุงเทพมหานคร พรรคประชาชน ลุกขึ้นประท้วงว่า การวินิจฉัยเมื่อสักครู่ เรื่องนี้เป็นเรื่องที่เราหยิบยกมาที่อภิปราย เนื่องจากว่าอยู่ในข้อ 9 ตามคำแถลงนโยบาย และเรื่องทั้งหมดนี้อยู่ในชั้นของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ซึ่งเป็นองค์กรอิสระ ยังไม่ถึงกระบวนการพิจารณาในชั้นศาล ว่าจะพิจารณากันอย่างไร และใกล้ถึงวันตัดสินแล้วหรือไม่ แต่ ณ วันนี้สิ่งเดียวที่เราหยิบยกขึ้นมา เพราะว่านายกรัฐมนตรีได้แถลงไว้ต่อสภาผู้แทนราษฎร ว่าจะปฏิบัติตามกฏหมาย และไม่แทรกแซง และคดีที่สังคมเป็นห่วงก็คือเรื่องนี้ ดังนั้น ไม่ได้มีการพาดพิงสมาชิกวุฒิสภาท่านไหนเลย ทำให้สิ่งเดียวที่พาดพิงคือเนกไทด์เหลือง ถ้าใครจะร้อนคอก็สุดแท้แต่
นายวันมูหะมัดนอร์ ระบุว่า รายละเอียดมากไป ตนเองนั่งตรงนี้ยังไม่รู้เรื่องเลย ดังนั้น เอาแค่ส่วนเนื้อก็พอ ส่วนวิธีการค่อยไปอธิบายที่ กกต. หรือที่ศาล และประเด็นนี้เดี๋ยวให้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม หรือผู้ที่มีส่วนเกี่ยวข้องมาตอบรายละเอียดเพิ่มเติม
นายปกรณ์วุฒิ อุดมพิพัฒน์สกุล สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (สส.) พรรคประชาชน ประท้วงว่า คำวินิจฉัยของประธานอยู่บนข้อเท็จจริงที่คลาดเคลื่อน เพราะขั้นตอนไม่ได้อยู่ในศาล ดังนั้น คำวินิจฉัยจึงไม่อยู่บนข้อเท็จจริง เพราะอยู่ในชั้นดีเอสไอ และ กกต. เท่านั้น ซึ่งเรื่องนี้จึงอยู่ที่รายละเอียดเยอะ จึงจำเป็นต้องมีการอภิปรายให้เข้าใจในรายละเอียด มิเช่นนั้น รัฐมนตรีจะชี้แจงได้อย่างไร ถ้าไม่เข้าใจในรายละเอียด
เช่นเดียวกับนางสาวนันทนา นันทาวโรภาส สมาชิกวุฒิสภา ได้ประท้วง ให้ประธานรัฐสภาควบคุมการประชุมอย่างเป็นกลางและมีประสิทธิภาพ ขอให้ผู้อภิปรายได้อภิปรายอย่างชัดเจนเพราะเป็นประโยชน์กับประชาชน
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเองเป็นประธานในที่ประชุมตนเองไม่เข้าข้างใคร และให้ประชาชนด้านนอก เป็นผู้ตัดสิน ใครพูดอย่างไร และประธานทำหน้าที่ไม่ดีอย่างไร ตนเองพร้อมที่จะรับข้อเท็จจริงนั้น ตนเองไม่อยากให้มีการประท้วงกลับไปกลับมา และไม่อยากทำอะไรที่ไม่เป็นธรรมกับใคร
ต่อมา นายปกรณ์วุฒิลุกขึ้นประท้วงประธานในการบังคับการประชุมตามข้อบังคับ ข้อ 5 ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์ชี้นิ้วไปที่นายปกรณ์วุฒิ ย้อนถามว่า “ข้อ 5 เรื่องอะไร” จนนายปกรณ์วุฒิต้องขอให้ใจเย็นๆ และฟังก่อน
นายปกรณ์วุฒิถามว่า หากประธานใช้ตรรกะแบบนี้ ถ้านายกรัฐมนตรีลุกขึ้นชี้แจง ตนจะให้สมาชิกพรรคประชาชนลุกประท้วงสัก 10 คน ท่านจะให้นายกรัฐมนตรีนั่งหรือไม่ ท่านเป็นประธาน ท่านต้องยืนยันว่า เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับการแถลงนโยบายหรือไม่ นายวันมูหะมัดนอร์ตอบว่า ตนปล่อยให้ นายแพทย์วาโย พูดเป็นครึ่งชั่วโมงแล้ว เพราะนำเรื่องวิธีการฮั้วต่างๆ ซึ่งจะกระทบกับการไต่สวน ซึ่งตนเองจะไม่ยอมในเรื่องแบบนี้ พร้อมย้ำว่าเข้าใจสมาชิก และเคารพทุกคน
ต่อมา นางนันทนาได้ประท้วงให้ประธานควบคุมการประชุมอีก ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์สวนกลับว่า แล้วที่ทำอยู่นี้ไม่ใช่ควบคุมการประชุมหรือ ยอมให้เขาด่าเขาว่าแบบนี้ ไม่ใช่การควบคุมการประชุมหรือ พร้อมถามกลับว่า ตนเองมีประโยชน์อะไรที่เป็นประธาน หาว่าเข้าข้างคนนั้นคนนี้ ประชาชนต้องการฟังการประชุม ไม่ใช่การประท้วง พร้อมขอให้นางนันทนานั่งลง
จากนั้น นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส. แบบบัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ ประท้วงโดยระบุว่า หากสมาชิกจะประท้วงต้องอยู่ในหลักการ ว่าสิ่งที่ นายแพทย์วาโยพูดพาดพิงทำให้เขาเสียหายตรงไหน และเนื้อหาสาระที่ นายแพทย์วาโยอภิปรายอยู่นอกกรอบญัตติหรือไม่ ซึ่งเรื่องเกี่ยวกับการทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่รัฐ ครม. ต้องเป็นผู้ชี้แจง และต่อมา นายแพทย์วาโยได้อภิปรายต่อ ซึ่งได้ยืนยันว่า เรื่องเกี่ยวกับการเลือก สว. เกี่ยวข้องกับกรมสอบสวนคดีพิเศษ (DSI) ซึ่งเกี่ยวกับเจ้าหน้าที่รัฐแน่นอน
แต่ระหว่างนั้น นายประเทือง มนตรี สว. ได้ประท้วง และกล่าวว่า “ขอถามผู้ประท้วงว่า อยากจะอภิปราย สว. หรือจะอภิปรายนโยบายรัฐบาล ตอบมา เดี๋ยวเจอกัน” ทำให้ สส. พรรคประชาชน ถามกลับว่า สว. เมื่อครู่ ประท้วงด้วยข้อบังคับใด และคิดว่าคำพูดของ สว. ควรจะถอน เพราะไม่อยากเห็นพฤติกรรมดังกล่าวที่เป็นการคุกคามเพื่อนสมาชิก ซึ่งต่อมา สว. คนดังกล่าว ไม่ยินยอม ทำให้นายวันมูหะมัดนอร์กล่าวว่า หากท่านไม่ถอน จะไม่อนุญาตให้อยู่ในห้องประชุมต่อไป นายประเทืองจึงได้ยอมถอนคำว่า “เดี๋ยวเจอกัน”
จากนั้น ได้เปิดโอกาสให้ นายแพทย์วาโยอภิปรายต่อไปอีก แต่นายวันมูหะมัดนอร์ยืนยันว่า หาก นายแพทย์วาโยยังอธิบายถึงรายละเอียดกระบวนการฮั้วต่อไป จะไม่อนุญาตแล้ว เพราะการประชุมจะไม่ไปไหน เนื่องจากสมาชิกจะประท้วงซ้ำอีก แม้ สส. พรรคประชาชน จะพยายามคัดค้าน และประท้วงว่าประธานทำตัวไม่เป็นกลาง นายวันมูหะมัดนอร์จึงขอความร่วมมือให้ นายแพทย์วาโยอภิปรายโดยไม่กล่าวถึงเรื่องเดิมอีก ไม่เช่นนั้นจะข้ามไปผู้อภิปรายคนต่อไป
นายแพทย์วาโย สรุปว่า ทั้งหมดที่ตนเองพูดมา ยกสมการทางคณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ เดี๋ยวรายละเอียด ไว้ใช้ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจก็ได้ เดี๋ยวให้หัวหน้าคิดด้วย และตนเองยืนยันว่าการมีโพย และการรวมกลุ่มกันมา ไม่ใช่เรื่องผิด ถ้ามาด้วยอุดมการณ์เดียวกัน แต่ความผิดเหล่านี้จะผิดเมื่อมีการให้ผลประโยชน์ และมีการจ้างวาน ซึ่งก็มีการสืบค้นถึงเส้นทางการเงิน การติดต่อถึงพรรคการเมือง และเส้นทางทางโทรศัพท์ ตนเองเชื่อว่าทางดีเอสไอมีแล้ว ดังนั้น จึงต้องฝ่ายนโยบายของรัฐบาล ให้รัฐมนตรี และนายกรัฐมนตรี ไปกำกับดูแลให้พี่น้องประชาชน ได้มั่นใจว่านายกฯ ที่พวกตนเองเลือกมา จะปฏิบัติตามนั้นจริง ๆ เพราะเรายังไม่ได้รับคำมั่นสัญญา และสุดท้ายเรื่องนี้ยังค้างอยู่ที่สำนักเลขาธิการ กกต. ก็ต้องให้คณะรัฐมนตรีไปติดตาม ตนเองไม่ได้อภิปรายเพื่อโจมตีสมาชิกทั้งสิ้น ฝากคณะรัฐมนตรีชี้แจงในประเด็นดังกล่าว และให้คำมั่นสัญญาในฐานะนายกรัฐมนตรีที่พวกเราเลือกมาด้วย
“ถ้าพี่จะเจอผม ก็เจอห้องอาหาร อย่าเจอที่อื่นผมกลัว” นายแพทย์วาโยทิ้งท้ายถึง สว. ที่ได้กล่าวพาดพิง