ต่างประเทศ

สื่อกัมพูชาชี้เหตุวุ่นวายชายแดนบ้านหนองหญ้าแก้ว โหมกระแสคว่ำบาตรสินค้าไทยให้รุนแรงขึ้น

โดย JitrarutP

4 ชั่วโมงที่แล้ว

19 views

สื่อกัมพูชากระพือข่าว ยิ่งมีเหตุวุ่นวายที่บ้านหนองหญ้าแก้ว จ.สระแก้ว ชายแดนไทย-กัมพูชา ยิ่งโหมกระแสคว่ำบาตรสินค้าไทยให้รุนแรงขึ้น ผู้ค้าชาวกัมพูชาต้องเร่งหาทางเอาสินค้าท้องถิ่น รวมถึง เวียดนาม-จีน มาวางขายแทน

เว็บไซต์ข่าวขแมร์ ไทมส์ (Khmer Times) ของกัมพูชารายงานว่า เหตุการณ์ความวุ่นวายระหว่างทหารไทยกับพลเรือนชาวกัมพูชาที่เข้ามารื้อถอนรั้วลวดหนาม จนบาดเจ็บไปอย่างน้อย 23 คน เมื่อวันพุธที่ผ่านมา ส่งผลให้กระแสการคว่ำบาตรสินค้าไทยที่ดำเนินมาอย่างยาวนานหลายเดือนรุนแรงขึ้น โดยประชาชนได้เรียกร้องผ่านโซเชียลมีเดียให้มีการยกระดับให้แข็งกร้าวมากกว่าเดิม

ในรายงานระบุว่า ความรุนแรงที่เกิดขึ้นในหมู่บ้านเปรยจัน จังหวัดบันเตียเมียนเจย ได้จุดชนวนความโกรธแค้นไปทั่วประเทศทันที และยิ่งซ้ำเติมความไม่พอใจของประชาชนที่เริ่มมีมาตั้งแต่กองทัพไทยจับกุมทหารกัมพูชา 20 นาย เมื่อวันที่ 29 กรกฎาคม และปล่อยตัวออกมาเพียง 2 นายในวันที่ 1 สิงหาคม

ตอนนี้ รัฐบาลกัมพูชาและประชาชนต่างมองว่าการกระทำของไทยไม่เพียงแต่เป็นการแสดงความเป็นปรปักษ์เท่านั้น แต่ยังเป็นหลักฐานของการไม่จริงใจในการปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงที่ได้ทำไว้ที่ประเทศมาเลเซียเมื่อวันที่ 28 กรกฎาคม

และเพื่อเป็นการตอบโต้ ชาวกัมพูชากำลังระบายความโกรธแค้นผ่านการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจ โดยตั้งใจปฏิเสธที่จะอุดหนุนผลิตภัณฑ์ของไทย ตั้งแต่ซูเปอร์มาร์เก็ตในกรุงพนมเปญไปจนถึงตลาดในชนบท ผู้ซื้อต่างตรวจสอบฉลากสินค้าอย่างละเอียดเพื่อหลีกเลี่ยงสินค้าที่ผลิตในไทย และหันไปซื้อสินค้าท้องถิ่นแทน แม้จะมีราคาสูงกว่าก็ตาม

สื่อกัมพูชายังบอกว่า การคว่ำบาตรครั้งนี้กำลังส่งผลกระทบเป็นวงกว้างต่อภาคค้าปลีกและค้าส่งของกัมพูชา เนื่องจากไทย เป็นหนึ่งในคู่ค้ารายใหญ่ที่สุดของกัมพูชา โดยส่งออกสินค้าหลากหลายประเภท ตั้งแต่บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปและเครื่องสำอาง ไปจนถึงวัสดุก่อสร้าง

การคว่ำบาตรที่เกิดขึ้นทำให้ชั้นวางสินค้าไทยถูกปล่อยทิ้งไว้โดยแทบไม่มีคนซื้อ ส่งผลให้บรรดาผู้ค้าชาวกัมพูชาต้องเร่งหาทางเอาสินค้าในท้องถิ่นและสินค้าทางเลือกจากเวียดนามและจีนมาวางขายแทน

พนักงานบริษัทค้าส่งสัญชาติไทย เปิดเผยกับขแมร์ไทมส์ว่านับตั้งแต่เหตุการณ์จับกุมทหารกัมพูชา 18 นาย การคว่ำบาตรได้ขยายวงไปยังบริษัทหลายแห่งที่เกี่ยวข้องกับไทย กระแสต่อต้านไม่ได้กระทบแค่ตัวสินค้า แต่ส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของผู้บริโภคที่มีต่อบริษัทที่ถูกมองว่าเป็นของคนไทยด้วย

เขาย้ำว่า ผลกระทบนั้นรุนแรงมาก จำนวนผู้มาใช้บริการรายวันลดลงเหลือเพียง 15% จากระดับปกติ โดยเป็นลูกค้าชาวกัมพูชา 10% และชาวจีน 5%

ขแมร์ไทมส์ยอมรับว่า แม้การคว่ำบาตรจะส่งผลดีต่อผู้ผลิตในท้องถิ่น แต่ก็เผยให้เห็นถึงความท้าทายเช่นกัน เนื่องจากประเทศมีกำลังผลิตที่จำกัด และต้นทุนที่สูงขึ้น ซึ่งอาจนำไปสู่แรงกดดันด้านเงินเฟ้อ ในขณะเดียวกัน คู่แข่งในภูมิภาคก็กำลังเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วเพื่อเข้ามาเติมเต็มช่องว่าง โดยเฉพาะจีนและเวียดนาม

นายเจย เต็ก นักวิจัยด้านเศรษฐกิจและสังคม กล่าวกับขแมร์ไทมส์ว่า ไม่ว่าสถานการณ์จะคลี่คลายหรือเลวร้ายลง ชาวกัมพูชาทุกคน โดยเฉพาะผู้นำเข้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นกลุ่มคนร่ำรวยในสังคม จะต้องเดินหน้าคว่ำบาตรสินค้าไทยต่อไป

เขาได้เรียกร้องให้บรรดานักธุรกิจของกัมพูชายุติการนำเข้าสินค้าไทยเข้าประเทศโดยทันที พร้อมเน้นย้ำว่าผู้จัดจำหน่ายและร้านค้าท้องถิ่นก็ควรละเว้นการขายสินค้าไทยเช่นกัน เพื่อให้การคว่ำบาตรเกิดประสิทธิภาพสูงสุด

นายเจย เต็ก ยังเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาเสริมสร้างความเข้มแข็งของนโยบายนำเข้าและการบังคับใช้กฎหมาย โดยเฉพาะที่ด่านชายแดน พร้อมทั้งจัดการปัญหาการทุจริตในหมู่เจ้าหน้าที่ศุลกากร เพื่อให้แน่ใจว่ามีการปฏิบัติตามกฎระเบียบและป้องกันการลักลอบนำเข้าที่บ่อนทำลายการคว่ำบาตรระดับชาติ

เขาชี้ว่า การคว่ำบาตรที่ดำเนินอยู่อาจส่งผลกระทบทางเศรษฐกิจอย่างมีนัยสำคัญต่อภาคส่วนสำคัญของไทย ทั้ง SME, การส่งออกสินค้าเกษตร และพลังงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งสถานีบริการน้ำมัน ปตท. ซึ่งมีสาขา 186 แห่งทั่วกัมพูชา

อย่างไรก็ดี ผู้เชี่ยวชาญรายนี้ยอมรับว่า การคว่ำบาตรสินค้าถือเป็นความท้าทายสำหรับประชาชน ที่เป็นเกษตรกรตามแนวชายแดน แต่ก็ได้เรียกร้องให้พวกเขาอดทน ในขณะที่รัฐบาลกำลังเปิดโอกาสทางการค้าใหม่ๆ กับเวียดนามและจีน

คุณอาจสนใจ

Related News