เลือกตั้งและการเมือง
“พริษฐ์” จี้ตอบให้ชัด “อัศวินขี่ม้าขาว” คือใคร ถามเป็น “ลุงตู่” หรือไม่
โดย paranee_s
2 ก.ย. 2568
166 views
เวลา 11.55 น. วันที่ 2 ก.ย. 2568 ที่ทำการพรรคประชาชน นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อและโฆษกพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ก่อนการประชุม สส.พรรคประชาชน ประจำสัปดาห์ ถึงกรณีที่เมื่อวันที่ 1 ก.ย.ที่ผ่านมา ได้มีการเปิดให้สมาชิกพรรคประชาชนได้แสดงความคิดเห็นในการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ขณะนี้ มีฟีดแบ็กเป็นอย่างไรบ้าง ว่า อย่างที่หลายคนทราบว่า ตอนนี้อยู่ในขั้นตอนที่พรรคประชาชนกำลังดำเนินการรับฟังความเห็นจากทุกภาคส่วน
โดยเมื่อวานนี้ เป็นนัดแรกของการ ประชุม.สส.พรรคประชาชน ซึ่งก็มีการพูดคุยกับทีมเครือข่ายในพื้นที่ รวมถึงพนักงานพรรค ก่อนจะมีการดำเนินการเปิดให้สมาชิกพรรคประมาณหนึ่งแสนคนทั่วประเทศ สามารถแสดงความคิดเห็นต่อสถานการณ์นี้เข้ามาได้ ผ่านช่องทางออนไลน์ต่าง ๆ ซึ่งล่าสุดที่เช็ก มีจำนวนสมาชิกที่ตอบเข้ามาเกินหนึ่งหมื่นคนไปแล้ว หรือ ประมาณ 10 เปอร์เซ็นต์
นายพริษฐ์ ย้ำว่า นอกเหนือจากสมาชิกพรรคแล้ว ประชาชนทั่วไปที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค เราก็ไม่ได้ละเลยความคิดเห็น แต่ติดตามในช่องทางโซเชียลมีเดียต่างๆ ตลอด พร้อมยืนยันตามจุดยืนของพรรคประชาชน เพราะมองว่าสิ่งที่เป็นทางออกของประเทศ คือการยุบสภา และมีการเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว
ฉะนั้น หากพรรคเพื่อไทยจะใช้อำนาจที่มีก็ดำเนินการเลย เพราะถ้าพรรคเพื่อไทยไม่ทำ พรรคประชาชนจึงจะจำเป็นต้องใช้กระบวนการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพื่อทำให้เกิดกระบวนการเดินหน้าสู่การเลือกตั้งโดยเร็วที่สุด
เมื่อถามถึงกรณีที่นายชัยเกษม นิติสิริ แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย ระบุ ยังไม่ได้รับการติดต่อจากพรรคเพื่อไทย รวมถึงอาจจะมีอัศวินขี่ม้าขาว มองว่าเป็นใคร นายพริษฐ์ กล่าวว่า เดี๋ยวต้องกลับไปดู แต่ย้ำว่า อำนาจอยู่ในมือนายภูมิธรรม เวชยชัย ในฐานะรักษาการนายกรัฐมนตรีที่ต้องตอบใช้ชัด ว่ากรณีที่มีการพูดเรื่องยุบสภานั้น นายภูมิธรรมหมายถึงจะทำเลย หรือว่ารอให้มีการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ก่อน ขณะที่เมื่อเช้านี้ นายภูมิธรรม ก็บอกต้องรอให้พรรคประชาชนตัดสินใจก่อน ว่าจะไปทางไหน หรือจะเลือกใครเป็นนายกรัฐมนตรี
นายพริษฐ์ กล่าวว่า หากมองการให้สัมภาษณ์ของนายภูมิธรรม แสดงว่าไม่ได้เอาประเทศเป็นตัวตั้ง ซึ่งประชาชนมีสิทธิ์ตั้งคำถามได้ว่า สุดท้ายแล้วคุณกำลังเอาอำนาจของตัวเองเป็นตัวตั้งรอจนวินาทีสุดท้ายที่ตัวเองไม่มีอำนาจ จึงจะมาพิจารณาเรื่องยุบสภา
ส่วนเรื่องอัศวินขี่ม้าขาว ก็ทำให้สร้างความสับสนเหมือนกัน เพราะพรรคเพื่อไทยที่เราเข้าใจมาตลอดว่า 2 คน ที่มีการเสนอตัว คือนายชัยเกษม และนายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ดังนั้น หากมีคนอื่นเข้ามาด้วย ก็ต้องตอบให้ชัดว่าคือใคร หมายถึงพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา องคมนตรี ในฐานะเครดิตนายกรัฐมนตรี หรือไม่ หรือหมายถึงการใช้กลไกนอกระบอบประชาธิปไตยไปเลย ซึ่งจะทำให้นายกรัฐมนตรีคนนอกเข้ามา ซึ่งพรรคเพื่อไทยต้องรีบชี้แจง
อีกหนึ่งประเด็นคือ ในการพูดคุยพรรคเพื่อไทยทางการวันนั้น เรามีการคุยรายละเอียดหลายอย่าง เพื่อเช็คว่าพรรคเพื่อไทยเข้าใจเงื่อนไข พรรคประชาชนจริงๆ หรือไม่ ซึ่งตนก็มีถามไปว่านายชัยเกษมไม่อยู่ในห้อง แต่พรรคเพื่อไทยตอบว่านายชัยเกษมเห็นตรงกับจุดยืนพรรคเพื่อไทยทั้งหมดแม้ไม่ได้มา แต่เมื่อฟังที่นายชัยเกษมพูดวันนี้ กลับไม่ตรงกัน
สำหรับการดำเนินการเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ เพื่อให้เข้ามายุบสภา ถือว่าเป็นการส่งสัญญาณอะไรหรือไม่ หรือแปลว่าพรรคมีการตัดสินใจไปแล้วใช่หรือไม่ นายพริษฐ์ ยืนยันว่า ไม่ใช่ พร้อมย้ำจุดยืนเดิมว่า เราต้องการเห็นการเลือกตั้งใหม่โดยเร็ว แต่หากไม่ยุบสภา ถึงจะจำเป็นต้องใช้กระบวนการนั้น
เมื่อถามถึงกระบวนการที่อาจทำให้การโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ยืดเยื้อออกไป ทั้งเรื่องการโปรดเกล้าฯ ตุลาการ รวมถึงการกำหนดวันโหวต นายพริษฐ์ กล่าวว่า เรื่องศาลคิดว่าอย่างไร ก็ต้องรอการชี้แจงของศาลน่าจะดีที่สุด แต่ในเบื้องต้น เข้าใจว่า มีข้อกฎหมายที่เขียนเอาไว้ว่า ทางตุลาการที่ดำรงตำแหน่งต้องทำหน้าที่ต่อไป จนกว่าตุลาการคนใหม่จะมีการเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งเข้าใจว่าหากเป็นจริงตามนี้ คงไม่ใช่เรื่องที่จะทำให้กระบวนการมีข้อกังวล
เมื่อถามถึงการให้สัมภาษณ์ของนายชัยเกษม ที่มีการวิเคราะห์ว่า อาจจะพูดเพื่อสื่อว่าพรรคเพื่อไทยมีขั้วการเมืองภายในพรรค จึงทำให้ไม่มีเสถียรภาพเพียงพอ นายพริษฐ์ กล่าวว่า ขั้วการเมืองตรงนั้น ตนคงตอบแทนไม่ได้ แต่เข้าใจว่าสื่อมวลชนคงไปถามพรรคเพื่อไทย
สำหรับกรณีที่นายชัยเกษม ระบุ ไม่ได้กระเหี้ยนกระหือรือ แปลว่าพรรคเพื่อไทยไม่มีตัวแสดงที่จะพร้อมรับบทบาทผู้นำใช่หรือไม่ นายพริษฐ์ มองว่า หากดูมาตามข้อเท็จจริง แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยมีอยู่ 3 คน มี 2 คนที่พ้นจากตำแหน่งแล้ว ดังนั้น โดยธรรมชาติคำถามนี้จึงไม่ควรเป็นคำถามตั้งแต่ต้น การที่เป็นคำถามได้ จะต้องออกมาจากอะไรบางอย่าง ซึ่งต้องให้พรรคเพื่อไทยให้ความกระจ่าง
แต่มุมของพรรคประชาชน เราได้รับการยืนยันจากตัวแทนพรรคเพื่อไทย ว่าจะส่งชื่อนายชัยเกษมเท่านั้น และเห็นด้วยกับเงื่อนไขทั้ง 3 ข้อ ถ้าจะเอาคำตอบของนายชัยเกษมเองที่พูดว่า ไม่ว่าพรรคจะว่าอย่างไร ตัวเขาเองในฐานะผู้เสนอตัวเป็นนายกรัฐมนตรี ก็ต้องมากลั่นกรองและความเข้าใจอีกทีหนึ่ง
ส่วนคาดว่าจะได้ข้อสรุปโดยเร็วเมื่อไหร่ เนื่องจากมีแนวโน้มอาจโหวตไม่ทันในสัปดาห์นี้ นายพริษฐ์ ย้ำว่า ทุกอย่างไม่ได้จบในที่ประชุม สส. เพราะเราต้องฟังหลายภาคส่วน อย่างไรวันนี้ ก็คงได้ฟังความเห็นจาก สส.อย่างเต็มที่ ซึ่งก็ต้องประกอบกับในสายอื่น ๆ ด้วย
สำหรับกรอบเวลาตัดสินใจ เนื่องจากเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร ระบุ ต้องรอวิปสองฝ่ายคุยกัน นายพริษฐ์ เข้าใจดีว่า กระบวนการทุกอย่างต้องดำเนินการต่อไปตามขั้นตอนทางกฎหมาย อย่างไรพรรคประชาชนก็ไม่ได้เป็นฝ่ายที่ทำให้กระบวนการล่าช้ากว่าที่กำหนด แต่แน่นอนว่า เราต้องตัดสินใจอย่างรอบคอบ เพราะเป็นการตัดสินใจที่สำคัญต่ออนาคตประเทศ ดังนั้น ในขั้นตอนที่เราวางไว้ ก็ต้องได้รับความชัดเจนจากรักษาการนายกรัฐมนตรีโดยเร็ว ว่าเจตนาจริงๆ คืออะไร
ส่วนการรอคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญในวันที่ 10 ก.ย.เรื่องการทำประชามติ นั้น เป็นเพียงตัวแปรหนึ่ง ซึ่งจะเห็นภาพชัดมากขึ้นถึงกระบวนการจัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่
ขณะที่กระแสข่าวว่า สส.ภายในพรรค เอนเอียงไปเลือกพรรคภูมิใจไทย เพื่อให้ช่วยคดี 44 สส. นายพริษฐ์ ยืนยันว่า ณ เวลานี้ ยังไม่มีข้อสรุปในทางใด ซึ่งเราตั้งใจใช้ที่ประชุมวันนี้ และช่องผ่านความเห็นอย่างเต็มที่ และหัวหน้าพรรค ก็ได้ยืนยันไปแล้วว่า ไม่เกี่ยวข้องกับคดีแน่นอน
สำหรับกระแสข่าว มี สส.แสดงจุดยืนจะลาออก หากพรรคเลือกพรรคภูมิใจไทย นายพริษฐ์ ย้ำว่า พวกเราเคารพความเห็นที่แตกต่างของทุกฝ่าย เราเข้าใจดีว่าเรื่องนี้ เป็นเรื่องที่น่าหนักใจ และสมาชิกหนึ่งหมื่นกว่าคนที่เข้ามาแสดงความเห็น ก็น่าจะเข้าใจกระบวนการนี้ด้วยตัวเอง ย้ำว่า แม้มีความเห็นแตกต่าง แต่เราเคารพซึ่งกันและกัน ก็เข้าใจความหนักใจของทุกคน ยืนยันว่า เราเดินหน้าอย่างมีเอกภาพ
สำหรับกรณีที่นายสหัสวัต คุ้มคง สส.ชลบุรี ระบุไม่สามารถเห็นชอบให้รัฐมนตรีที่ตัวเองได้อภิปรายเรื่องคดีค้ามนุษย์ กลับกระทรวงแรงงานได้อย่างแน่นอน นายพริษฐ์ กล่าวว่า เป็นความเห็นส่วนตัวของ สส. หากพูดในเชิงหลักการ เราก็ต้องย้ำกลับมาที่เงื่อนไขข้อสาม คือจะทำหน้าที่ฝ่ายค้านเต็มตัว ซึ่งก็ต้องยืนยันว่า การทำหน้าที่ฝ่ายค้านนั้น เราจะตรวจสอบรัฐบาลเสียงข้างน้อยอย่างเต็มที่ ดังนั้น หากมีการกระทำโดยใครในรัฐบาล ไม่ว่าจะนายกรัฐมนตรี หรือรัฐมนตรีที่ชื่ออะไร ในการใช้อำนาจมิชอบ แทรกแซงกระบวนการยุติธรรม เราก็พร้อมใช้กลไกในการตรวจสอบ รวมถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจด้วย
เมื่อถามย้ำว่า แสดงว่าพรรคไม่ได้ควบคุมเรื่องการใช้โซเชียลมีเดียของ สส.ในการแสดงความเห็นใช่หรือไม่ นายพริษฐ์ ระบุว่า ท้ายที่สุด สส.ก็ทำหน้าที่ในฐานะผู้แทนราษฎร ซึ่งย่อมมีเสรีภาพในการแสดงออก
เมื่อถามว่าจุดตัดระหว่างความเห็น สส.กับ ประชาชน จะให้น้ำหนักอะไรมากกว่า นายพริษฐ์ ย้ำว่า เป็นหน้าที่ของกรรมการบริหารพรรค ที่จะต้องตัดสินใจ จากการนำทุกความเห็น เพื่อให้ได้ข้อสรุปจากทุกฝ่าย เพราะคงไม่ใช่แค่เชิงปริมาณอย่างเดียว แต่ต้องดูเรื่องเหตุและผลด้วย
ส่วนพรรคประชาชนจะมีการเสนออะไรในที่ประชุมวิปสองฝ่ายหรือไม่ นายพริษฐ์ กล่าวว่า เรื่องวันบทเลือกนายกรัฐมนตรีคนใหม่ ต้องมีการหารือร่วมกันอยู่แล้ว คงไม่ได้เป็นสิ่งที่พรรคประชาชนจะกำหนดด้วยตัวเอง
อย่างไรก็ตาม การที่นายภูมิธรรมให้ความเห็นออกมาเรื่องการยุบสภา แสดงว่าเขาต้องประเมินเรื่องข้อกฎหมาย และความเสี่ยงเรียบร้อยแล้ว ว่าในมุมของเขาทำได้ แต่ปัญหาคือ เขาจะทำหรือไม่
เมื่อถามว่าจะต้องมีการทำข้อตกลงกับพรรคเพื่อไทยเหมือนที่ทำกับพรรคภูมิใจไทยหรือไม่ นายพริษฐ์ มองว่า เป็นอีกขั้นตอนหนึ่ง ถ้าจะถึงขั้นตอนนั้น เราก็ต้องให้เงื่อนไขทั้ง 3 ข้อของเราได้รับการตอบสนองอย่างชัดเจน
แท็กที่เกี่ยวข้อง