สอบสวนกลาง เปิดเส้นเงิน "ทิดแย้ม" โอนให้สาวคนสนิทหลายร้อยล้าน ก่อนกระจายสู่เว็บพนัน เงินหมุนเวียนกว่า 2 พันล้าน

ตำรวจสอบสวนกลางแถลงเปิดเส้นเงิน "ทิดแย้ม" อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิง พบปลายทางไปถึง "อรัญญาวรรณ" สาวคนสนิทคนเดียว และตั้งแต่ปี 2563 เปลี่ยนวิธีการเก็บเงินวัดจากให้เจ้าหน้าที่ธนาคารมาเก็บทุกวัน เป็นให้นำส่งเจ้าอาวาสคนเดียว



นี่คือแผนผังเส้นทางการเงินของ "ทิดแย้ม" ที่ตำรวจสอบสวนกลางนำมาแสดงต่อสื่อมวลชน จะเห็นว่าเงินมาจากแหล่งต่างๆ จำนวน 329 ล้าน 293,368 บาท เข้าบัญชีของ "ทิดแย้ม" จากนั้นจะกระจายไป 3 เส้นทาง คือ "ทิดแย้ม" โอนเข้าบัญชีนางสาว อรัญญาวรรณ สาวคนสนิทโดยตรง เป็นเงิน 63 ล้าน 796,024 บาท



เส้นทางที่ 2 "ทิดแย้ม" โอนเข้าบัญชีนายเอกพจน์ อดีตพระลูกวัดคนสนิท ที่เคยทำงานในสำนักงานเจ้าคณะ 14 เป็นเงิน 113 ล้าน 459,000 บาท จากนั้นเงินถูกส่งต่อไปยัง นางสาว อรัญญาวรรณ 213 ล้าน 948,000 บาท ซึ่งนาย เอกพจน์ ยังเป็น 1 ในผู้ต้องหาที่ตำรวจไซเบอร์ออกหมายจับ เพราะเกี่ยวข้องกับเว็บพนัน แอลแอ กาแลคซี่ ด้วย



เส้นทางที่ 3 จากบัญชีทิดแย้ม ผ่านบัญชีนายฉัตรชัย 63 ล้าน 146,010 บาท แล้วโอนต่อไปยังบัญชี นางสาว อรัญญาวรรณ 28 ล้าน 736,334 บาท นาย ฉัตรชัย คือ สามีของเตย สาวคนสนิทของเตย



เท่ากับว่าเงินของทิดแย้มถูกโอนเข้าบัญชีของ นางสาวอรัญญาวรรณทั้งหมด แล้วนางสาว อรัญญาวรรณ โอนเงินไปยังเว็บพนันเครือข่าย แอลเอ กาแลคซี่ จำนวน 8 บัญชี เป็นเงิน 540 ล้าน 873,350 บาท และทางเว็บโอนเงินให้เธอด้วย 204 ล้าน 655,828 บาท เท่ากับว่ามีเงินหมุนเวียนเข้าออกบัญชีของนางสาว อรัญญาวรรณ กว่า 2,000 ล้านบาท



พันตำรวจเอก ภัทราวุธ อ่อนช่วย ผู้กำกับการ 5 กองบังคับการกองปราบปราม บอกว่า มีคนเขียนจดหมายร้องเรียนมาที่กองปราบปราม ว่า อดีตเจ้าอาวาสวัดไร่ขิงนำเงินวัดไปใช้ส่วนตัว และยังหยิบยืมเงินพระรูปอื่น รวมถึงฆราวาส ตั้งแต่หลักหมื่นถึงหลักล้านบาท เชื่อว่าอาจจะนำเงินไปใช้ในทางที่ไม่เหมาะสม หรือถูกใครบังคับข่มขู่เรียกเงิน ตำรวจกองปราบปราม 6 นาย จึงเข้าไปสืบสวนสอบสวนในทางลับ แบ่งเป็น 2 ส่วน คือ กลุ่มวิเคราะห์ข้อมูล และกลุ่มลงพื้นที่สืบสวนข้อมูล



ร้อยตำรวจเอก นิติธร ประชันกาญจนา รองสารวัตรกองกำกับการ 5 กองปราปปราม หรือ ผู้กองธร คือ สายลับที่ถูกส่งไปสืบหาข้อมูลในวัด ในฐานะนักท่องเที่ยว เพื่อหารายละเอียดของตัวละครที่เกี่ยวข้อง ว่าใครเป็นคนใคร จนสืบทราบและได้ข้อเท็จจริงว่า ข้อมูลที่ร้องเรียนมานั้นเป็นจริง โดยใช้เวลาสืบอยู่นานหลายเดือน



ตอนนี้ตรวจเจอบัญชีของวัดทั้งสิ้น 51 บัญชี ส่วนบัญชีของทิดแย้ม 21 บัญชี และบัญชีของนางสาว อรัญญาวรรณ 12 บัญชี เฉพาะบัญชีของนางสาว อรัญญาวรรณ ซึ่งเป็นคนสุดท้ายที่รับเงิน พบว่าตั้งแต่ปี 2559 ถึงปัจจุบันมีเงินหมุนเวียนกว่า 2,000 ล้านบาท



ส่วนรายได้วัดไร่ขิงจากการตรวจสอบช่วงปี 2567 ตั้งแต่เดือนตุลาคม 2566 - เดือนกันยายน 2567 พบว่า มีเงินนำส่งห้องการเงิน 107 ล้านบาท รายได้ที่ไม่ส่งห้องการเงิน 69 ล้านบาท แบ่งเป็น เงิน วัตถุมงคลรุ่นพิเศษ 4 ล้านบาท เงินประมูลร้านค้างานประจำปี 2 งาน รวม 48 ล้านบาท เงินกฐิน 4 ล้านบาท ค่าเช่าร้านค้ารายเดือน 1 ล้านบาท และร้านค้าสวัสดิการ 12 ล้านบาท



เมื่อนำมาคำนวณเท่ากับว่าวัดจะมีรายได้ต่อวันเฉลี่ยวันละ 4 แสนบาท หรือเดือนละ 14 ล้าน 7 แสนบาท รวมทั้งปีประมาณ 176 ล้านบาท ซึ่งเมื่อก่อนจะมีเจ้าหน้าที่ธนาคารมารับเงินของวัดเลย แต่ตั้งแต่ปี 2563 เปลี่ยนไป เงินทั้งหมดถูกนำส่งอดีตเจ้าอาวาสหรือทิดแย้มทั้งหมด ซึ่งหลังจากนี้เจ้าหน้าที่ต้องไปตรวจสอบว่าเงินทั้งหมดไปไหน



นอกจากนี้ตั้งแต่ปี 2563 พบว่าทางวัดได้ยืมเงินของมูลนิธิของวัด 3 แห่งเป็นเงินกว่า 38 ล้าน ซึ่งตำรวจต้องตรวจสอบว่าเงินที่ถูกยืมไป เอาไปทำอะไร และยังพบว่ามีเงินของทิดแย้มกับนางสาว อรัญญาวรรณ ไปซื้อที่ดินที่ปากช่อง เขาใหญ่ จังหวัดนครราชสีมาด้วย โดยใส่ชื่อของ นางสาว อรัญญาวรรณ เป็นเจ้าของ ซึ่งตอนนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และตลอด 7 วัน ที่เจ้าหน้าที่เข้าไปตรวจสอบเรื่องเงิน พบว่า เจ้าอาวาสเป็นผู้มีอิทธิพล เพราะไม่มีใครกล้าแย้งการกระทำของทิดแย้มได้ เช่น ค่าน้ำค่าไฟ เบิกไป 4 ล้าน และยังมีอีกหลายรายการที่น่าสงสัย



ในการแถลงข่าววันนี้ตำรวจได้เปิดคลิปเสียงโทรศัพท์ของนางสาว อรัญญาวรรณ โทรหา ทิดแย้ม ด้วย รายละเอียดเกี่ยวกับการทวงเงินโดยบอกว่า เขามาทวงยอดแล้ว ทางทิดแย้มก็บอกว่าตอนนี้มางานศพ และต้องเข้าไปยืมเจ้าคณะภาคแล้ว แต่ตอนนี้ไม่รู้จะหาเงินมาจากไหนแล้ว จะให้ทำยังไง เขาจะมาฆ่าไหม เงินติดตัวก็ยังไม่มี ตอนนี้มีแค่ค่าน้ำมัน 3,000 บาท ตอนนี้ยืมจนไม่รู้จะยืมใครแล้ว แต่เธอยังบอกว่าติดมา 2 งวดแล้ว และยังเหลืออีก 4 งวด ทางทิดแย้มบอกว่า เหลืออีกราว 2 ล้านสินะ ไปฟังเสียงบางช่วงบางตอน



พลตำรวจตรี จรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง เปิดเผยว่า คลิปการเจรจานี้เกิดขึ้นก่อนเดือนกันยายน 2567 และทิดแย้มรู้ว่านางสาว อรัญญาวรรณ นำเงินไปเล่นการพนัน ที่บอกว่าติดตัวแดง ก็น่าเชื่อได้ว่าเกี่ยวกับการเว็บพนันแน่นอน แต่ยังไม่พยานหลักฐานที่เชื่อมโยงได้ว่า "ทิดแย้ม" เล่นเว็บพนัน



ส่วนความสัมพันธ์ของทั้งคู่ นางสาว อรัญญาวรรณ บ้านอยู่ข้างวัด เคยทำงานจิตอาสาในวัดไร่ขิง ทำให้รู้จักกับทิดแย้ม จากนั้นก็ออกไปทำงานแต่เงินไม่พอใช้จึงกลับมาอยู่บ้าน และเธอจำได้ว่า ทิดแย้มเคยบอกว่า ถ้ามีแหวนวัดไร่ขิง หากมีปัญหาก็มาหามาปรึกษาขอความช่วยเหลือได้ เพราะถือว่าเป็นลูกศิษย์



ทำให้ตั้งแต่ก่อนปี 2563 นางสาว อรัญญาวรรณ เข้ามายืมเงินเจ้าอาวาส 5-6 หมื่นบาทแล้วทิ้งเบอร์ติดต่อไว้ ทำให้ได้พูดคุยกันเรื่อยมา และทิดแย้มเริ่มโอนเงินให้นางสาว อรัญญาวรรณ มาตลอด ก่อนจะแลกไลน์กันพูดคุยแบบลึกซึ้งขึ้น ทั้งวิดิโอคอล และส่งคลิปส่วนตัว จนเงินของเจ้าอาวาสไหลเข้าไปยังบัญชีอรัญญาวรรณ เรื่อยๆ



ต่อมาช่วงปลายปี 2567 ความสัมพันธ์ของทั้งคู่น่าจะเริ่มมีปัญหา เพราะทิดแย้มเริ่มหาเงินมาให้นางสาว อรัญญาวรรณ ไม่ไหวแล้ว ซึ่งสอดคล้องกับคลิปเสียงที่บอกว่า หาเงินให้ไม่ไหวแล้ว กระทั่งเดือนธันวาคม 2567 นางสาว อรัญญาวรรณ และแฟนหนุ่มโดนตำรวจไซเบอร์จับเรื่องเว็บพนัน ก็เข้ามาขอให้ทิดแย้มช่วย โดยใช้คลิปเสียวที่เคยวิดิโอคอลมาบีบบังคับ



คดีนี้ความผิดมันสำเร็จและชัดเจนว่า ทิดแย้ม ยักยอกเงินวัดไปใช้ส่วนตัวจริง ถือว่ามีความผิดจริง ไม่เกี่ยวกับถูกบีบบังคับ ส่วน นางสาว อรัญญาวรรณ จะผิดฐานสนับสนุนเจ้าพนักงานให้กระทำความผิด



ส่วนหมอเตยและสามี "บิ๊กเต่า" บอกว่า "เตย" รู้จักกับ "ทิดแย้ม" ตั้งแต่ปี 2551 และที่เรียกว่า "หมอเตย" เพราะเป็นเหมือนหมอดูร่างทรง ไม่ใช่แพทย์ เคยเขียนหนังสือเกี่ยวกับเรื่องอดีตชาติ และอาจจะใช้เรื่องความเชื่อเข้ามาเกี่ยวข้อง ทำให้เป็นผู้ที่มีอิทธิพลกับทิดแย้มมาก จนสามารถเข้ามาบริหารจัดการในวัดได้ และเปิดร้านค้าสวัสดิการภายในวัด ซึ่งเงินของร้านค้าสวัสดิการนี้ไม่เข้าบัญชีวัด ที่รู้เพราะมีประชาชนที่ไปซื้อของแล้วพบว่าโอนเข้าบัญชีบุคคล จนเมื่อ 3-4 เดือนที่ผ่านมา ต้องเปิดบัญชีวัดเกี่ยวกับร้านค้าสวัสดิการ แต่เงินเป็นบัญชีของเตยอยู่



"บิ๊กเต่า" ยอมรับว่า ตอนนี้ความสัมพันธ์ระหว่าง "เตย" กับ "ทิดแย้ม" ยังไม่ชัดเจน

รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/3PC4Ge7Zvpw