สาววัย 19 ร้องถูก 2 ทหาร ลวงขืนใจบ้านพักในค่าย ยึดมือถือห้ามติดต่อ โทรมาขอเคลียร์ไม่เอาเรื่อง

ยายพาสาววัย 19 ร้อง ถูกทหาร 2 นาย ลวงขืนใจใช้กำลังพยายามข่มขืน ในบ้านพักค่ายทหาร ยึดมือถือห้ามติดต่อ แจ้งความเกือบเดือนคดีไม่คืบ ผู้ก่อเหตุเบี้ยวนัดตำรวจหลายรอบ โทรมาขอเคลียร์หลังไมค์ให้จบเรื่อง เกรงกลัวอิทธิพล หวั่นไม่ปลอดภัย

ผู้สื่อข่าวได้รับการติดต่อขอความช่วยเหลือ จากหญิงรายหนึ่ง อายุ 61 ปี ว่า ยายของหลานสาววัย 19 ปี ถูกชาย 2 คน ซึ่งทราบภายหลังว่าเป็นทหารในสังกัดกรมทหารปืนใหญ่ ที่ 9 กองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ ล่อลวงไปที่บ้านพักในค่าย ก่อนใช้กำลังพยายามข่มขืน และล่วงละเมิดทางเพศ โดยหลังเกิดเหตุได้พาหลานสาวเข้าไปแจ้งความกับพนักงานสอบสวนสถานีตำรวจภูธรลาดหญ้า จ.กาญจนบุรี ระยะเวลาผ่านมาว่า 2 สัปดาห์ แต่คดียังไม่มีความคืบหน้า

ผู้สื่อข่าวได้พูดคุยกับ ผู้เสียหายอายุ 19 ปี ให้ข้อมูลว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้น เมื่อช่วงค่ำของวันที่ 17 เมษายน ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นวันไหลเทศกาลสงกรานต์ของจังหวัดกาญจนบุรี โดยในวันเกิดเหตุ ตนพร้อมด้วยเพื่อนอีก 1 คน ได้เดินทางไปเล่นน้ำสงกรานต์ที่ถนนข้าวเปลือก เขตเทศบาลเมืองกาญจนบุรี ใกล้เคียงกับสถานีตำรวจท่องเที่ยวจังหวัดกาญจนบุรี กระทั่งช่วงเวลาประมาณ 22.00 น. ได้พบกับผู้ก่อเหตุทั้ง 2 คน ซึ่งเป็นเพื่อนกับลูกพี่ลูกน้อง ที่เป็นทหารอยู่ในกองพลทหารราบที่ 9 โดยในระหว่างที่เดินไปเข้าห้องน้ำ ผู้ก่อเหตุทั้งสองคนได้เดินติดตามไป พร้อมชวนให้มาเล่นน้ำด้วยกัน จากนั้นเวลาผ่านไปประมาณ 1 ชั่วโมง ตนและเพื่อนตัดสินใจจะกลับบ้าน แต่ถูกผู้ก่อเหตุทั้งสองคนรั้งตัวไว้

โดยหนึ่งในผู้ก่อเหตุได้นำเอาโทรศัพท์มือถือของตนไปแขวนไว้ที่คอของตัวเอง และอ้างว่าจะไปส่งที่บ้านเอง แต่ตนปฏิเสธและยืนยันที่จะกลับพร้อมเพื่อนที่มาด้วยกัน แต่ผู้ก่อเหตุทั้งสองคนยังคงยืนยันที่จะไปส่ง โดยให้ 1 ในผู้ก่อเหตุเดินไปส่งเพื่อนของตน เพื่อไปเอารถจักรยานยนต์ที่จอดไว้ ห่างจากจุดเล่นน้ำ ก่อนจะบังคับให้ขึ้นรถจักรยานยนต์ของผู้ก่อเหตุทั้งสองคน และขี่นำหน้ารถของเพื่อนที่ขี่ตามมา โดยผู้ก่อเหตุทั้งสองคนได้เร่งเครื่องขับหลบหนี ไปอย่างรวดเร็วทำให้เพื่อนของที่มาด้วยติดตามไปไม่ทัน

จากนั้น ผู้ก่อเหตุทั้งสองคนได้พาไปที่บ้านพัก ของหนึ่งในผู้ก่อเหตุ ที่อยู่ใน กองพลทหารราบที่ 9 ค่ายสุรสีห์ บังคับให้เข้าไปภายในบ้าน อยู่กับผู้ก่อเหตุทั้งสองตามลำพัง ผู้ก่อเหตุทั้งสองคนได้ใช้กำลังกระชากเสื้อที่ใส่มาจนขาด ใช้มือสัมผัสหน้าอก และถอดกางเกง พยายามจะลงมือข่มขืน แต่ตนต่อสู้ขัดขืนพร้อมร้องเสียงดังขอความช่วยเหลือ ทำให้ผู้ก่อเหตุทั้งสองคนกลัวว่าข้างบ้านจะได้ยิน จึงลงมือไม่สำเร็จ

จากนั้นอาศัยจังหวะที่ผู้ก่อเหตุทั้งสองคนเผลอไปหยิบโทรศัพท์ของตัวเองกลับมาและโทรไปหาญาติที่เป็นทหารอยู่ในค่ายให้มารับที่บ้านหลังเกิดเหตุ พร้อมพาตัวกลับไปส่งที่บ้าน พร้อมเล่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นให้กับทางบ้านฟัง จนนำไปสู่การเดินทางเข้าแจ้งความ กับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรลาดหญ้าเมื่อวันที่ 18 เมษายน 2568 แต่ผ่านมาจนถึงตอนนี้ คดีก็ยังไม่มีความคืบหน้า ยังไม่มีการแจ้งข้อกล่าวหาหรือดำเนินคดีใดๆ กับผู้ก่อเหตุทั้งสองคน

ด้านยายของผู้เสียหาย ให้ข้อมูลผู้สื่อข่าวว่า หลังจากพาหลานสาวเข้าไปแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจสถานีตำรวจภูธรลาดหญ้า ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการเรียกตัวผู้ก่อเหตุทั้งสองคนให้มาพบถึง 3 ครั้ง แต่ทางผู้ก่อเหตุทั้งสองคนก็บ่ายเบี่ยงเรื่อยมา ไม่ยอมเดินทางมาพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ จึงยังไม่สามารถพูดคุย สอบถามหรือดำเนินการใดๆ ได้ ทำให้ทางตนเองและหลานสาว รู้สึกร้อนใจ และไม่มั่นใจในความปลอดภัย เนื่องจากผู้ก่อเหตุทั้งสองคนเป็นทหาร

ที่ผ่านมา ทางผู้ก่อเหตุทั้งสองคน เคยพยายามติดต่อมาที่ตนเอง เพื่อจะขอเคลียร์หลายครั้ง แต่กลับไม่ยอมไปพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ทำให้ตนเองรู้สึกไม่ปลอดภัย กระทั่งล่าสุด ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้ให้หลานสาวเดินทางไปชี้จุดบ้านพักที่เกิดเหตุซึ่งอยู่ภายในค่ายทหาร ก่อนจะนัดให้กับผู้ก่อเหตุทั้งสองคนเดินทางมาพบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจในวันนี้ (2 พฤษภาคม 2568) ซึ่งตนเองและหลานสาวยืนยันว่า เหตุการณ์ในครั้งนี้ ต้องการให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินคดีกับทางผู้ก่อเหตุทั้งสองคนให้ถึงที่สุด ไม่ได้ต้องการที่จะเรียกเงินจากผู้ก่อเหตุทั้งสองคนแต่อย่างใด และอยากจะฝากไปถึงผู้บังคับบัญชา ของทหารผู้ก่อเหตุทั้ง 2 นาย ให้ช่วยให้ความเป็นธรรมกับตนเองและหลานสาว รวมถึงขอให้ผู้ก่อเหตุออกมารับผิดชอบกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นด้วย แต่หากทางผู้ก่อเหตุทั้งสองคน ยังคงปฏิเสธความรับผิดชอบ ตนเองและหลานสาวก็พร้อมจะเดินหน้า ทวงคืนความยุติธรรมอย่างเต็มที่ต่อไป

ทั้งนี้ เมื่อเวลา 12.00 น. ที่สถานีตำรวจภูธรลาดหญ้า ปรากฏว่า ทางทหารผู้ก่อเหตุทั้ง 2 นาย เดินทางมาพบพนักงานสอบสวน พร้อมด้วยนายทหารซึ่งเป็นผู้บังคับบัญชา ได้ให้ยายของหญิงสาวผู้เสียหาย เข้าไปพูดคุยกับทางผู้บังคับบัญชาของนายทหารทั้งสองราย เบื้องต้นเพื่อหาข้อสรุปร่วมกัน โดยเบื้องต้น ได้ข้อสรุปว่า ทางผู้บังคับบัญชา มีคำสั่งให้ผู้ก่อเหตุทั้ง 2 ราย รับผิดชอบเยียวยาค่าเสียหายให้กับหญิงสาวผู้เสียหาย ในส่วนของความผิดอาญา จะได้ดำเนินการสั่งขังผู้ก่อเหตุทั้ง 2 ราย พร้อมตัดเงินบำเหน็จ รวมถึงพิจารณาหาบทลงโทษ ที่เหมาะสมต่อไป