สังคม

ยายวัย 93 ถูกหลานเขยหลอกเซ็นขายที่ดิน นำป้ายติดทั้งที่ยังอาศัยอยู่ อีกฝ่ายโต้ ไม่ได้หลอก ขอให้ฟัง 2 ฝ่าย

โดย panwilai_c

22 เม.ย. 2568

12K views

ยายอายุ 93 ปี ถูกหลานเขยหลอก ให้เซ็นขายที่ดินพร้อมบ้าน 4 ไร่ โดยมีการนำป้ายมาติดประกาศขาย ทั้งๆที่ยายยังอาศัยอยู่



ทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์คุณนฤชา เดินทางไปหาคุณยายใบ อายุ 93 ปีถึงที่บ้านใน ตำบลคลองน้อย อำเภอบ้านแพรก จังหวัดอยุธยา ซึ่งมีลักษณะเป็นบ้านไม้เก่าๆ ยายใบ บอกว่า ตัวเองเกิดและอาศัยอยู่ที่นี่มาตั้งแต่สมัยพ่อ แม่ยังมีชีวิตอยู่ ซึ่งยายมีพี่น้องทั้งหมด 7 คน คือ



นางฉลวย (เสียชีวิต)



นางจำรูญ (เสียชีวิต)



นางทองหล่อ (เสียชีวิต)



นางทองใบ (ตัวยาย)



นายทวี (เสียชีวิต)



นางสาวละมาย (เจ้าของที่ดินที่มีปัญหา)



นายปทุม (คู่พิพาทยายใบ)



พ่อกับแม่มีที่ดินมรดกทั้งหมด 40 ไร่ ก่อนที่พ่อกับแม่จะเสียชีวิต ได้แบ่งให้ลูกทุกคนคนละ 5 ไร่เป็นที่นา มีนางสาวละมาย ที่ได้ที่ดิน 10 ไร่รวมบ้านที่อยู่อาศัยหลังนี้ด้วย เนื่องจากพ่อกับแม่เห็นว่า นางสาวละมาย มีปัญหาทางสมองและไม่มีครอบครัว หลังจากนั้น พ่อกับแม่เสียชีวิต พี่น้องของยายใบก็ทยอยเสียชีวิตไปทีละคน ที่ดินก็มีการขายต่อเปลี่ยนมือกันไป ของยายใบ 5 ไร่ก็ขายไปแล้ว



ส่วนของละมาย(น้องสาว) ที่มีอยู่ 10 ไร่มีการแบ่งขายไปแล้ว 5 ไร่ เหลือ 4 ไร่ที่เป็นบ้านที่อยู่อาศัย ซึ่งตัวยายใบก็อาศัยอยู่ที่บ้านหลังนี้กับนางสาวละมายมาตั้งแต่ต้น ต่อมาประมาณปี 2562 น้องชายคนเล็กคือนายปทุม มารับตัวละมาย ไปอยู่ด้วยที่บ้านในจังหวัดนนทบุรี ทำให้บ้านที่อยุธยาก็จะเหลือเพียงตนเอง ลูกสาว และ หลานชาย , ทีนี้ ตนกับนายปทุม น้องชายก็เริ่มมีปัญหาระหองระแหงกัน เนื่องจากน้องชายต้องการให้นางสาวละมายขายที่ดิน 4 ไร่ แปลงดังกล่าวนี้ให้กับหลานเขย



ซึ่งคุณยายบอกก็ได้คัดค้านมาตลอดเพราะยายยังอาศัยอยู่และนางสาวละมายก็อยากกลับมาอยู่ที่บ้านหลังนี้ด้วย แต่น้องชายไม่ยอมให้มา กระทั่งเมื่อประมาณ 2 เดือนก่อน หลานเขย มาบอกตนว่า นายปทุม ต้องการจะแบ่งที่ดินเป็น 3 ส่วนให้ 3 คนพี่น้องที่ยังเหลืออยู่ โดยจะแบ่งให้ตนด้วยประมาณ 100 ตารางวา ซึ่งตนบอกไปว่า แบ่งเท่าไหร่ก็ได้ ตนเอาไม่เยอะ ขอแค่ให้มีบ้านอยู่ก็พอ จากนั้นหลานเขยก็พาตนไปเซ็นเอกสารอะไรบางอย่างที่อำเภอ ซึ่งตนเข้าใจว่า เป็นเอกสารที่จะแบ่งที่ดินกัน ตนจึงยอมเซ็น



หลังจากนั้นผ่านไป 2 เดือน ก็มาเกิดเหตุการณ์สดๆร้อนๆ เมื่อวันที่ 20 เมษายนที่ผ่านมานี้ จู่ๆ นายปทุมพร้อมภรรยาและลูกสะไภ้ เอาป้ายมาติดประกาศขายที่ดินที่หน้าบ้าน ตนเอง ตกใจมาก จึงพยายามสอบถามนายประทุมน้องชาย ว่าประกาศขายบ้านทำไม ไหนว่าตกลงจะแบ่งที่ดินกันแล้ว แต่นายปทุมไม่ยอมตอบ ไม่ยอมคุยด้วย



จากนั้น ลูกสะใภ้นายปทุมก็ไปเอาธูปกำใหญ่มาจุดและปักกลับหัวตรงหน้าบ้าน ยายไม่ทราบว่า ทำเพื่ออะไร แต่เห็นว่ามันแปลกๆ จึงกลั้นใจดึงธูปออกแล้วโยนทิ้ง



ยายทองใบ เล่าว่า ไม่รู้ว่าเป็นเวรกรรมอะไรที่พี่น้องต้องมาทะเลาะกันเรื่องแบ่งที่ดินและยายจะไม่มีที่ซุกหัวนอน ซึ่งยายเข้าใจดีว่า ไม่มีสิทธิ์ในที่ดินแปลงนี้ตั้งแต่ต้น แต่เคยคุยกันไว้แล้วว่า ขอแค่เพียงอยู่อาศัยเท่านั้น ไม่ได้ขออะไรเยอะเลย ไม่ได้ขอแบ่งที่ดินด้วยซ้ำ



ด้าน นายเอก หลานของยาย บอกว่า ตาปทุม(น้องยาย)เอายายละมายไปดูแลตั้งแต่ 6 ปีก่อน ตนคิดว่า ตาปทุมหวังในที่ดินผืนนี้ตั้งแต่ต้น เพราะย้อนไปเมื่อเดือนสิงหาคมปีที่แล้ว ตาปทุมเคยให้หลานเขยเข้ามาพูดคุยเรื่องแบ่งมรดกที่ดินแปลงนี้กันแล้ว และพายายไปถึงกรมที่ดิน ซึ่งครั้งนั้นตนไปกับยายทองใบด้วย แต่เจ้าหน้าที่กรมที่ดินไม่สามารถทำเอกสารเรื่องการโอนแบ่งที่ดินได้ เนื่องจากยายละมาย เป็นผู้พิการทางสมองตั้งแต่เกิด ไม่สามารถเซ็นเอกสารยกที่ดินให้ใครได้ ต้องฟ้องศาลให้มีผู้อนุบาลก่อน



หลังจากนั้นทุกฝ่ายก็เงียบหายกันไป จนกระทั่งมาเกิดเรื่องเมื่อ 2 เดือนก่อนที่หลานเขยพายายทองใบไปเซ็นเอกสารบางอย่างที่อำเภอ ซึ่งตนเองไม่เคยทราบมาก่อน แล้วอยู่ๆ ตาปทุมก็อ้างว่า มีสิทธิ์ในที่ดินพื้นที่ เพราะยายละมาย เซ็นมอบอำนาจให้ดำเนินการแล้วจึงนำป้ายประกาศขายที่ดินมาติดไว้ที่หน้าบ้านที่ตนยังอาศัยอยู่ หลังจากนี้ ยังไม่รู้เลยว่าจะไปซุกหัวนอนที่ไหน



เพื่อความเป็นธรรม ทีมข่าวของเราได้พูดคุยกับลูกชายของนายปทุม บอกว่า ตนได้รับคำสั่งจากพ่อให้ไปติดป้ายประกาศขายบ้านพร้อมที่ดินดังกล่าว ซึ่งเป็นที่ดินของ ยายละมาย แล้วพ่อก็ดูแลยายละมาย ที่พิการทางสมองมานานกว่า 10 ปี แล้วตอนนี้ก็อายุ 88 ปี มีอาการเจ็บป่วยตามประสาคนแก่ไม่รู้ว่าจะอยู่ได้อีกนานแค่ไหน สาเหตุที่พ่อตัดสินใจประกาศขายบ้านพร้อมที่ดินดังกล่าว เพื่อที่จะนำเงินเผื่อไว้ทำศพให้กับยายละมายตอนเสียชีวิต เพราะบ้านพร้อมที่ดิน 4 ไร่เป็นสมบัติชิ้นสุดท้ายของยายละมาย



ซึ่งพ่อเคยคุยกับยายใบแล้วว่า จะประกาศขาย ที่ดินดังกล่าว แต่ระหว่างประกาศขายยายใบสามารถอยู่อาศัยได้ ไม่ได้ขับไล่ เพราะยังไงก็เป็นพี่น้องกัน และหากขายบ้านพร้อมที่ดินแปลงนี้ได้ ก็จะแบ่งเงินส่วนหนึ่งให้ยายใบด้วยไว้หาที่หาทางอยู่



ลูกชายนายปทุมยืนยันด้วยว่า พ่อมีสิทธิ์ที่จะขายที่ดินแปลงนี้ของยายละมาย เนื่องจากเมื่อ 2 ปีก่อน พ่อเป็นคนพายายใบไปเซ็นเอกสารเรื่องที่จะให้พ่อ เป็นผู้อนุบาลยายละมาย ซึ่งยายใบก็รับรู้รับทราบมาโดยตลอดและไปทำเรื่องเอกสารตั้งแต่ 2 ปีก่อนไม่ใช่ 2 เดือนก่อนตามที่ยายใบเข้าใจ ตนคิดว่ายายใบน่าจะจำช่วงเวลาผิด กระทั่งปลายปีที่แล้วศาลมีคำสั่งให้พ่อเป็นผู้อนุบาลยายละมายแล้วด้วย



รับชมทางยูทูบที่ : https://youtu.be/xujrNJB7bCI


แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ