ชุมชนพรพระร่วงพัฒนาอ่วม ฝนกระหน่ำ น้ำท่วม 2 วันยังไม่ลดจนน้ำเริ่มเน่าแล้ว

นายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด นำทีมงานสายไหมต้องรอดลงพื้นที่ชุมชนพรพระร่วงพัฒนา สุขาภิบาล 5 ซอย 32 แยก 7 ที่ประสบปัญหาน้ำท่วมขังมาไม่ต่ำกว่า 2 วันหลังจากเกิดฝนตกอย่างหนัก รวมทั้งเป็นพื้นที่แอ่งกระทะที่ต้องรองรับน้ำที่เออล้นจากบึง 3 บึงที่อยู่บริเวณโดยรอบชุมชน สร้างปัญหาความเดือดร้อนให้แก่ชาวบ้านเป็นอย่างมาก บางจุดน้ำท่วมสูงถึง 60 เซนติเมตรและน้ำเริ่มส่งกลิ่นเน่าเหม็น คนในชุมชนต้องลุยน้ำออกมาใช้ชีวิตบริเวณด้านนอกทุกวัน เพราะน้ำเข้าท่วมถึงในบ้าน โดยทีมงานสายไหมต้องรอดได้นำชุดถุงยังชีพ 30 ชุดแพ็กน้ำ 30 แพ็กและถังแก๊ส 3 ถังมามอบให้แก่ชุมชน


นายสุริยน เอี่ยมอุดม รองประธานชุมชนพรพระร่วงพัฒนา กล่าวว่า ที่ผ่านมานั้นชุมชนต้องประสบปัญหาน้ำท่วมขังมาโดยตลอดในช่วงหน้าฝน หากเกิดฝนตกลงมาก็จะเกิดน้ำท่วมขัง ต้องใช้เครื่องสูบน้ำในการสูบน้ำใช้เวลาอย่างน้อยประมาณ 2-3 เดือนน้ำถึงจะแห้ง


แต่รอบนี้ถือว่าวิกฤตมาก เนื่องจากฝนเพิ่งตกได้ประมาณ 2 วันก่อนหน้านี้ ใช้เวลาไม่ถึง 1 ชั่วโมงน้ำก็ท่วมเอ่อล้นสูงถึงหัวเข่า แม้ว่าตอนนี้ได้ติดตั้งเครื่องสูบน้ำแล้ว แต่เชื่อว่าน่าจะใช้ระยะเวลาอย่างน้อยไม่ต่ำกว่า 5 เดือนในการระบายน้ำจนออกหมด


โดยชุมชนดังกล่าวก่อตั้งมานานกว่า 40-50 ปี แล้วต้องประสบปัญหารองรับน้ำจากบริเวณโดยรอบเป็นประจำ เมื่อปี 2554 ที่เกิดอุทกภัยใหญ่ น้ำได้ท่วมสูงถึงระดับหน้าอก ยิ่งไปกว่านั้นบริเวณโดยรอบก็เป็นบึงของเอกชนที่ถึงแม้ว่าจะช่วยรองรับน้ำ แต่หากเกิดวิกฤตน้ำเอ่อล้นขึ้นมา ก็จะไหลลงมาท่วมที่ชุมชน สร้างความเดือดร้อนให้กับชาวบ้านเป็นอย่างมาก


นอกจากนี้ ในชุมชนยังมีผู้สูงอายุและผู้ป่วยติดเตียง 4 ราย ยังอาศัยอยู่ แม้ว่าที่ผ่านมาจะมีหน่วยงานของรัฐทั้งการเคหะและสำนักงานเขตสายไหมลงพื้นที่ แต่ก็ยังไม่ได้มีการให้การช่วยเหลืออย่างยั่งยืน จึงอยากร้องขอให้หน่วยงานของรัฐให้ความใส่ใจและแก้ไขปัญหาน้ำท่วมเรื้อรังในชุมชน เพราะคนส่วนใหญ่ในชุมชนนั้นมีฐานะยากจนและไม่รู้ว่าจะย้ายไปอยู่ที่ไหน


นอกจากนี้ ยังมีชาวบ้านที่ต้องใช้เรือยางเป็นที่หลับนอนภายในบ้าน โดยเปิดเผยว่า เรือยางดังกล่าวนั้น เอามาใช้สำหรับเล่นน้ำสงกรานต์ แต่เมื่อเกิดปัญหาเมื่อน้ำเข้าบ้าน ก็เลยเอามาใช้เป็นที่นอนชั่วคราวสำหรับลูก ซึ่งชุมชนแห่งนี้ประสบปัญหาน้ำท่วมแทบทุกปีตั้งแต่ต้นยังเล็กและทำให้ข้าวของในบ้านเสียหายอย่างมาก


ด้านนายเอกภพ กล่าวว่า พื้นที่แห่งนี้นั้นเป็นแอ่งกระทะที่บริเวณโดยรอบนั้นเต็มไปด้วยบึงและหมู่บ้านจัดสรร เมื่อเกิดฝนตกหนัก น้ำก็ระบายไม่ทัน จึงเกิดปัญหาน้ำท่วมขัง สร้างความเดือดร้อนให้กับคนในชุมชนอย่างมาก โดยเฉพาะรอบนี้ที่ใช้เวลาเพียงไม่ถึงชั่วโมงน้ำก็ได้ท่วมสูงถึงหัวเข่า ถ้าหากคืนนี้มีพายุหรือฝนตกหนักอีกระลอก ก็จะยิ่งเพิ่มระดับน้ำที่สูงขึ้นอีก


การลงพื้นที่ครั้งนี้ นอกจากจะนำสิ่งของบรรเทาทุกข์มามอบให้แก่ชุมชนแล้ว ยังเป็นการลงมาฟังความเดือดร้อนของชาวบ้านที่ต้องทนกับปัญหาน้ำท่วมเรื้อรังมาเกือบทุกปี ซึ่งรอบนี้ถือว่าวิกฤตนั้นหนักที่สุด และที่สำคัญ ในสัปดาห์หน้านั้นลูกหลานที่อยู่ในชุมชนนี้จะต้องออกไปสอบปลายภาค ก็ยังไม่รู้ว่า พวกนักเรียนจะออกจากชุมชนไปโรงเรียนได้อย่างไร ยังไม่รวมถึงปัญหาการใช้ชีวิตประจำวันที่ห้องน้ำก็ใช้ไม่ได้


แล้วชาวบ้านยังพบเจอสัตว์มีพิษจำพวกงูเข้ามาหลบอาศัยอยู่ในบ้านซึ่งอาจก่ออันตรายได้ จึงอยากประสานให้กับทางหน่วยงานของรัฐทั้ง กทม.และการเคหะ ซึ่งเป็นผู้รับผิดชอบพื้นที่ มาติดตั้งสะพานไม้ หรือแนวกระสอบทรายให้เป็นทางเดินบรรเทาความเดือดร้อนแก่ชาวบ้าน แล้วหลังจากนี้ก็จะหารือกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการปรับปรุงแก้ไขผังเมืองและแนวระบายน้ำของชุมชนใหม่อีกด้วย เพื่อเป็นการแก้ไขปัญหาอย่างยั่งยืน


ทางด้านตัวแทนของสำนักงานเขตสายไหมและการเคหะนครหลวง สาขาออเงิน ที่ได้ลงพื้นที่มาตรวจสอบพื้นที่ประสบภัย ระบุว่า ที่ผ่านมาหน่วยงานได้ลงพื้นที่มาให้การช่วยเหลือและตรวจสอบชุมชนมาโดยตลอด ซึ่งได้มีการประสานนำเครื่องสูบน้ำมาติดตั้งเพื่อเร่งระบายน้ำออก โดยหลังจากนี้จะประสานงานในการติดตั้งสะพานไม้ เพื่อให้คนในชุมชนสามารถสัญจรออกไปมาได้


ส่วนปัญหาเรื่องภูมิประเทศที่เป็นแอ่งกระทะนั้น ยอมรับว่าเนื่องจากอยู่ในระหว่างการส่งมอบพื้นที่รับผิดชอบจากการเคหะให้กับ กทม. จึงทำให้การอนุมัติงบประมาณมาแก้ไขปัญหาได้ยาก เพราะยังไม่ใช่พื้นที่สาธารณะ แต่ยืนยันว่า ภายใน 3 เดือน จะสามารถส่งมอบพื้นที่ให้แก่ กทม.ได้ และจะเร่งตั้งงบประมาณในการเพิ่มความสูงปรับปรุงภูมิประเทศของพื้นที่ เพื่อบรรเทาปัญหาน้ำท่วมขังในชุมชนต่อไป