เพื่อนบ้านไม่พอใจจอดรถขวาง ข่มขู่อัดคลิป "ระวังระเบิดจะลง"

จากกรณีเพื่อนบ้านจอดรถขวางหน้าบ้าน เป็นกิจวัตรประจำวัน ทำให้ผู้ร้องไม่สามารถถอยรถจอดภายในบ้านได้ จึงตัดสินใจจอดหน้าบ้านบ้าง พอจอดได้สองวัน เพื่อนบ้านโมโห จะเอาระเบิดมาลง

คลิปเหตุการณ์วันแรก วันที่ 26 สิงหาคม 2567 ผู้ร้องถอยรถเข้าบ้านไม่ได้ เพราะมีรถขวางหน้าบ้าน (ด้านขวามือ)


คลิปเหตุการณ์วันที่สอง 27 สิงหาคม 2567 (มีสองมุม) คลิปวงจรปิดแสดงให้เห็นว่าตอนที่จอดไม่ได้ขวาง และปิดทาง เนื่องจากรถบ้านตรงข้ามยังไม่กลับมา


คลิปสุดท้าย 3 คลิปวงจรปิด ก่อนหน้าวันเกิดเหตุแสดงให้เห็นว่าก่อนหน้านี้ ผู้ร้องสามารถจอดในบ้านได้ตามปกติ

ซึ่งมีโพสต์คู่กรณี ในช่องทางเฟซบุ๊กส่วนตัว "เตรียมตัวเว้ยเห้ย กรูทำให้อยู่กันดีๆ ไม่ชอบกัน อยากเห็นกรูเป็นคนเดิม" พร้อมคลิปวิดีโอ พูดว่า "ดูจอดกันแค่ละคนนะ อั่ยสาด บอกไว้ก่อนกรูไม่ได้เกิดมาเพื่อรองรับอารมณ์ อย่าให้กรูกลับไปเป็นคนเดิม ระวังระเบิดจะลงพวกมรึง"

ต่อมาทีมข่าวลงพื้นที่หมู่บ้านแห่งหนึ่ง ในซอยวัดลาดปลาดุก จ.นนทบุรี ได้พูดคุยกับ นางมารี อายุ 50 ปีและนายศิลา อายุ 53 ปี ผู้ร้อง เปิดเผยให้ทีมข่าวฟังว่า เมื่อวันที่ 26 สิงหาคม 2567 ที่ผ่านมา ปกติแล้ว ตนเองจะจอดรถในบ้าน แต่คืนนั้นตนกลับมาถึงบ้านประมาณสี่ทุ่ม ปรากฏว่ามีรถจอดอยู่ฝั่งตรงข้ามบ้านหลายคัน คันหนึ่งเป็นของท้ายซอย แต่มาจอดที่กลางซอย และตนไม่สามารถตีวงเพื่อถอยรถเข้าบ้านได้ จึงตัดสินใจจอดหน้าบ้าน โดยในวันนั้นก็ไม่ได้มีปัญหาอะไร


วันต่อมาตนจึงรีบกลับบ้านมาเร็ว เพื่อที่จะจอดรถหน้าบ้าน จะได้ไม่มีปัญหาว่าอีกฝั่งมาจอดแล้วเข้าบ้านไม่ได้ จนสุดท้ายบ้านข้างในสุดไม่สามารถขับรถเข้าออกได้ จึงอัดคลิปโพสต์เฟซบุ๊กด่าตนด้วยถ้อยคำหยาบคาย บอกว่า กูทำให้อยู่ดีๆ กันไม่ชอบ จอดรถแบบนี้ เดี๋ยวกูจะระเบิดให้หมดเลย


ตนจึงรู้สึกว่าทำไมคนทั้งซอยจอดได้ และทำไมตนถึงจอดไม่ได้ ซึ่งอยู่บ้านนี้มา 12 ปี ไม่เคยจอดรถหน้าบ้านมาก่อนเลย แต่มาจอดได้ 2 วันกลับมีปัญหา ตนต้องการให้มันเกิดมาตรฐาน ถ้าหากจอดได้ก็ควรจะจอดได้ทุกหลัง แต่ถ้าหากจอดไม่ได้ ก็ไม่ควรมีบ้านหลังไหนที่จอดได้เหมือนกัน


ซึ่งในซอยมีเพียงแค่บ้าน 2 หลัง คือบ้านของตนและบ้านของคุณป้าที่มีอายุคนหนึ่ง ซึ่งบ้านท้ายซอยอ้างว่า เดี๋ยวนี้เขาจอดรถในบ้านแล้ว ซึ่งถ้าดูกล้องวงจรปิดก่อนหน้านี้ 2 วัน เขาก็ยังจอดรถหน้าบ้านอยู่เลย ตอนที่ตนมาอาศัยอยู่ที่นี่ตนก็เห็นว่าบ้านหลังนี้จอดรถอยู่หน้าบ้านมานานแล้ว


ต่อมาตนจึงโทรไปเคลียร์กับอีกฝ่าย เนื่องจากว่าเป็นเพื่อนกันในเฟซบุ๊ก แต่ก็ไม่เป็นผล เพราะอีกฝ่ายบอกว่า อย่ามายุ่งกับเขา เดี๋ยวจะเจ็บหนัก เราจึงไม่ได้มีการเผชิญหน้ากัน มีแต่คุยผ่านทางโซเชียลเท่านั้น มองว่าอีกฝ่ายเลือกด่าเฉพาะบ้านคนพิการบ้านคนแก่


ซึ่งก่อนหน้านี้ เมื่อปี 2565 เคยมีปัญหากับเพื่อนบ้าน เรื่องที่จอดรถแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งครั้งนั้นขณะจอดรถได้ยินเสียงเพื่อนบ้านคุยกัน และพูดถึงตน ตนจึงถามไปตรงๆว่า ถ้ามีอะไรให้มาคุยกันตรงๆ ไม่ต้องไปนินทา แต่ฝ่ายคู่กรณีก็ไม่ยอม โมโหใส่ และบอกว่าจะไปเอาปืนบนบ้านลงมายิงตน


ตนไม่รู้ว่าจะทำยังไงกับเรื่องนี้แล้ว เพราะว่าจอดในบ้านตนก็โดนต่อว่าอีก เพราะว่ามีหน้าบ้านเอารถมาจอดด้านหน้า แล้วตนก็ไม่สามารถถอยรถจอดได้ เวลาที่ถอยออก ตนก็จะบีบแตร เพื่อให้เจ้าของรถมาเลื่อนรถให้ ซึ่งก็ยอมรับว่าทุกครั้งที่เป็นแบบนั้น มันก็อาจจะสร้างความไม่พอใจให้กับคนที่ต้องออกมาเลื่อนรถ แต่เราไม่ได้ทะเลาะกัน และเมื่อเป็นแบบนั้นบ่อยๆ บ้านหลังนั้นก็ไม่ได้เอารถมาจอดแล้ว แต่ให้รถบ้านด้านในสุดมาจอดแทน


หลังจากที่เกิดเรื่องราวนี้ขึ้น ตนก็ได้ไปแจ้งความที่ สภ.ไทรน้อย เนื่องจากว่าก่อนหน้านี้เวลามีปัญหาอะไรกันเรื่องที่จอดรถ ตนก็ได้บอก ตำรวจที่อยู่แถวบ้าน เขาก็ตอบกลับมาว่า เจอแบบเดียวกัน ก็ไปซื้อบ้านใหม่ อย่างไรก็ตาม สิ่งที่ตนอยากจะทำให้มันเกิดขึ้นคือ อยากให้หน่วยงานภาครัฐมองเห็นปัญหาเรื่องที่จอดรถของคนที่ซื้อบ้านในราคาถูก ว่าควรจะมีกฎหมายที่บ่งบอกชัดเจน เรื่องของการจอดรถหน้าบ้านว่าควรจอดรถได้หรือไม่ได้

ต่อมาทีมข่าวได้พูดคุยกับพี่ อัง อายุ 50 ปี เจ้าของรถเก๋งที่จอดตรงข้ามบ้านผู้ร้อง เปิดเผยให้ทีมข่าวฟังว่า ในวันที่เกิดเหตุ ลูกชายของตนได้เอารถไปจอดหน้าบ้านจริง ซึ่งเป็นบ้านของตนอยู่ท้ายซอย ส่วนรถที่เอาไปจอดเป็นพื้นที่บริเวณหน้าบ้านของคุณลุง (เพื่อนบ้านกัน) ซึ่งอยู่ตรงข้ามบ้านผู้ร้องหลังจากเกิดเรื่อง ตนเองได้ตักเตือนลูกชายแล้ว ว่าไม่ให้ไปจอด เพราะเพื่อนบ้านไม่สามารถเอารถถอยเข้าบ้านได้ หากถามว่าจอดบ่อยไหม ก็ไม่ถึงกับบ่อยมากนัก แต่ก็ยอมรับว่าผิดจริงที่ไปจอดฝั่งตรงข้ามหน้าบ้านทำให้เขาไม่สามารถเข้าหรือออกได้ จากนี้ไปก็จะเอารถไปจอดที่อื่น ซึ่งตอนนี้ได้ที่จอดใหม่แล้ว