สังคม

โจ่งแจ้ง! ประกาศรับสมัคร 'บัญชีม้า' ผ่านเฟซบุ๊ก หาคนไทยข้ามไปสแกนใบหน้า ได้ค่าจ้างสูง

โดย weerawit_c

15 มิ.ย. 2567

111 views

วานนี้ (14 มิ.ย.) กลุ่มปิดเฟซบุ๊ก คนไทยในกัมพูชา / Thai in Cambodia Official ได้โพสต์ข้อความระบุว่า “หาคนข้ามไปสแกนหน้าค่ะ ด่วนๆๆ ให้ค่าจ้าง 5,000 - 20,000 บาท อยู่ไม่เกิน 7 วัน”


ซึ่งหลังจากโพสต์ถูกเผยแพร่ไป มีผู้เข้ามาแสดงความเห็นเป็นจำนวนมาก ตั้งคำถามถึงโพสต์ดังกล่าวว่า เขาต้องการหาคนไปสแกนหน้าทำไม เปิดบัญชีม้าหรือไม่ ส่วนใหญ่มองไปในทางเดียวกันว่าคงเป็นการ “รับซื้อบัญชีม้า” ภายหลังจากที่ทางการไทย มีการทำธุรกรรมผ่านแอปพลิเคชันมากขึ้น และหลายธุรกรรมต้องใช้การสแกนใบหน้า รวมถึงหลายคนมมองว่าอาจจะเป็นงานที่เกี่ยวข้องกับขบวนการแก๊งคอลเซ็นเตอร์ด้วย


พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง ผบก.สอท.1 เผยว่า เท่าที่ไล่ดูข้อมูลตอนนี้ คนที่ไปรับจ้างเปิดบัญชีสแกนใบหน้าส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ เวลาที่ไปรับตัวกลับมาดำเนินคดีแทบจะต้องใช้วีลแชร์ไปรับ และจากข้อมูลพบว่า 2-3 เดือนที่ผ่านมา การรับจ้างเปิดบัญชีม้า สแกนใบหน้า มีการโอนเงินกันไปมาแล้วหลายร้อยล้านบาท พร้อมเตือน ประชาชนว่างานแบบนี้คือการรับจ้างเปิดบัญชีม้า ตอนนี้ระบาดหนักในโลกออนไลน์ หากใครหลงเชื่อไปทำ เสี่ยงทำผิดกฎหมาย


สอดคล้องกับเคสที่ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี หรือ ตำรวจไซเบอร์ เพิ่งจะจับกุมได้เมื่อวันที่ 13 มิ.ย. พบว่ามีชาวปทุมธานี รับจ้างเปิดบัญชี ปรากฎว่าตอนไปจับผู้ต้องหารับสารภาพ บอกว่า หางานจากในเฟซบุ๊กและสมัครออนไลน์ ก่อนจะถูกพาตัวข้ามไปที่ ปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยลักลอบข้ามชายแดนผ่านทางช่องทางธรรมชาติ เมื่อไปถึงมีหน้าที่เดียว คือ เปิดบัญชีธนาคารแล้วคอยสแกนใบหน้า


ล่าสุดวานนี้ (14 มิ.ย.) ตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางเทคโนโลยี นําโดย พล.ต.ท.วรวัฒน์ วัฒน์นครบัญชา ผบช.สอท. แถลงข่าวเรื่องนี้  กรณีรวบหนุ่มบัญชีม้าหลังหนีกลับจากเขมร ข้ามแดนไปรับสแกนหน้าโอนเงินเหยื่อ สืบเนื่องจากมีผู้เสียหายเป็นหญิงสูงวัย ฐานะดี ถูกกลุ่มคนร้ายอ้างเป็นเจ้าหน้าที่รัฐ โทรมาหลอกลวงว่ามีชื่อ ผู้เสียหายเป็นผู้กระทําความผิดฐานฟอกเงินและข่มขู่ให้ผู้เสียหายโอนเงินเพื่อตรวจสอบ ผู้เสียหายหลงเชื่อจึง โอนเงินไปบัญชีกลุ่มคนร้ายถึง 115 ครั้ง รวมความเสียหายกว่า 200 ล้านบาท


ต่อมาเจ้าหน้าที่ตำรวจทำการสืบสวนสวนก่อนนําหมายจับเข้าควบคุมตัวนาย สมบัติ (ขอสงวนนามสกุล ) อายุ 31 ปี ชาวปทุมธานี ในข้อหา “ร่วมกันฉ้อโกงประชาชน, ร่วมกันฉ้อโกงโดย แสดงตนเป็นคนอื่น, ร่วมกันนําเข้าสู่ระบบคอมพิวเตอร์ซึ่งข้อมูลคอมพิวเตอร์ปลอมไม่ว่าทั้งหมดหรือบางส่วน หรือข้อมูลคอมพิวเตอร์อันเป็นเท็จ โดยประการที่น่าจะเกิดความเสียหายแก่ประชาชน เปิดหรือยินยอมให้บุคคลอื่นใช้บัญชีเงินฝาก บัตรอิเล็กทรอนิกส์ หรือบัญชีเงินอิเล็กทรอนิกส์ของตน โดยมิได้มีเจตนาใช้เพื่อตนหรือกิจการที่ตนเกี่ยวข้อง โดยประการที่รู้หรือควรรู้ว่าจะนําไปใช้ในการกระทําความผิด เกี่ยวกับอาชญากรรมทางเทคโนโลยีหรือความผิดทางอาญาอื่นใด” โดยจับกุมได้ที่บริเวณริมถนนสาธารณะ ภายในซอยประชาสําราญ แขวงคลองสิบสอง เขตหนองจอก กรุงเทพมหานคร นําตัวส่งดําเนินคดีตามกฎหมาย


เบื้องต้นนายสมบัติยอมเปิดเผยข้อมูลว่าเมื่อประมาณปลายปี พ.ศ.2566 ตนได้สมัครงานออนไลน์ผ่าน Facebook และได้มีผู้ติดต่อมาเสนองานเงินเดือน 8,000-12,000 บาท ต่อมาได้มีรถมารับตนจากพื้นที่คลอง แปด อ.ลําลูกกา จ.ปทุมธานี เพื่อไปทํางานที่ปอยเปต ประเทศกัมพูชา โดยลักลอบข้ามชายแดนผ่านทาง ช่องทางธรรมชาติบริเวณ อ.อรัญประเทศ จ.สระแก้ว เมื่อไปถึงบริเวณชายแดน นายหน้าได้พาเข้าโกดังแห่ง หนึ่งแล้วเดินทะลุออกด้านหลังไปสู่ริมลําน้ำสายคลองลึก จากนั้นได้พาข้ามแม่น้ำด้วยโป๊ะโฟมลูกลอกและไปยัง ที่หมายเป็นตึก 25 ชั้น ในปอยเปต ติดชายแดนประเทศไทย


โดยตนได้ทํางานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่นั่น ประมาณ 6 เดือน และถูกบังคับให้พักอาศัยอยู่แค่ในสถานที่ที่จัดให้ โดยทําหน้าที่เปิดบัญชีธนาคารแล้วสแกนใบหน้าในกรณีโอนเงินจํานวนสูงเพื่อโอนเงินต่อไปยังบัญชีอื่น ซึ่งได้ค่าจ้างเปิดบัญชี 4,000 บาท และค่าสแกน ใบหน้าวันละ 1,000 บาท หรือเพิ่มขึ้นตามจํานวนเงินที่ผ่านบัญชีเข้ามาแตกต่างกันไป ต่อมานายสมบัติ ผู้ถูกจับได้ตัดสินใจหลบหนีออกมาจากสถานที่ดังกล่าวในปอยเปต ประเทศกัมพูชา และลักลอบข้ามแดนกลับเข้ามายังประเทศไทย จนถูกเจ้าหน้าที่ตํารวจจับกุมตัวได้ในที่สุด


https://youtu.be/ez-FhhCFUYs

คุณอาจสนใจ

Related News