สังคม

'หมอเหรียญทอง' ไม่สนถูกมองทำเกินเหตุ ปมตบเด็ก 14 ลั่นเด็กลองดีเอง จากนี้จ่อขึ้นค่าปรับเป็น 5 แสน

โดย panwilai_c

15 พ.ค. 2567

1K views

หมอเหรียญทอง ยืนยันไม่ประนีประนอมคู่กรณี ไม่ใช่คนเจรจาไก่เกลี่ย ถ้าทำผิดกฎหมาย ยินดีรับโทษอาญาแผ่นดิน เล็งเพิ่มโทษปรับจาก 5,000 เป็น 500,000 บาท



จุดเกิดเหตุคือ อาคาร 3 ห้องน้ำชั้น 1 แผนก OPD ซึ่งจุดที่เด็กชายนัท เข้าไปสูบบุหรี่คือเป็นห้องน้ำด้านในสุด และจะมีท่อดูดอากาศ



บริเวณโถปัสสาวะ มีป้ายประกาศ “โรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ เป็นโรงพยาบาลปลอดบุหรี่เด็ดขาด ห้ามสูบบุหรี่ทุกพื้นที่ในโรงพยาบาล”



ทีมข่าวได้คลิปในคืนวันเกิดเหตุ ที่มีเจ้าหน้าที่โรงพยาบาลบันทึกภาพไว้ พบว่าช่วงต้นคลิป บริเวณห้องน้ำ จะเห็นควันลอยขึ้นไปบนเพดานห้องน้ำ ในคลิปจะได้ยินเสียงเด็กชายเปิดโทรศัพท์



ซึ่งคลิปนี้ความยาวประมาณ 2 นาทีกว่าๆ ท้ายคลิป เด็กชายคนนี้เดินออกมาจากห้องน้ำ ในมือถือโทรศัพท์มือถือ ก่อนที่เจ้าหน้าที่โรงพยาบาลจะถามว่า “น้องทำอะไรอ่ะ ดูดบุหรี่ไหม” ซึ่งเด็กชายคนนี้ก็พยักหน้ายอมรับ



จากนั้นก็เกิดเหตุการณ์ตามที่ผู้เสียหายเล่า ก่อนที่จะถูกตบและเตะ แล้วมันขับถอดเสื้อผ้าบริเวณด้านนอกโรงพยาบาล



ซึ่งภาพจากกล้องวงจรปิดบริเวณด้านนอกโรงพยาบาล เวลา 23.17น. ปรากฏภาพของเด็กชายวัย 14 ปีวิ่งล่อนจ้อนอยู่ริมทางเท้า เอามือปิดกุมอวัยวะเพศ เพื่อวิ่งขอความช่วยเหลือ



ล่าสุด วันนี้ พลตรี นายแพทย์ เหรียญทอง แน่นหนา ผู้อำนวยการโรงพยาบาลมงกุฎวัฒนะ ได้พาทีมข่าวมาดูบริเวณจุดเกิดเหตุ ซึ่งอยู่ที่อาคาร 3 แผนก OPD พาเข้าไปสำรวจในห้องน้ำ โดยคุณหมอ ชี้ให้ดูป้ายประกาศ ที่ติดหน้าโถปัสสาวะ และบอกว่า ป้ายนี้ติดไว้ทั่วโรงพยาบาล แต่เด็กคู่กรณีกลับยังสูบ มองว่าเป็นการท้าทาย และมาลองดี หมอเหรียญทองบอกว่า ท้าทายแล้วจะให้อยู่นิ่งเป็นสากกะเบือหรือ แล้วปล่อยให้คนไข้สูดควัน



จากนั้นก็ชี้ให้ดูในห้องน้ำที่เด็กชายคู่กรณีเข้าไปสูบ และชี้ให้ดูว่า การที่เข้ามาสูบในห้องน้ำ เพราะคิดว่าจะคละคลุ้งแค่ในห้องน้ำ แต่ที่จริงแล้ว ควันถูกดูดขึ้นไปที่ปล่องดูดอากาศ และปรับอากาศ พอมันดูดเข้าท่อก็กระจายไปข้างนอก บริเวณที่ผู้ป่วยอยู่ และเป็นชั่วโมงกว่าควันบุหรี่จะหมด



จากนั้นคุณหมอบอกว่า เด็กถูกพามานั่งรออยู่ที่โถงข้างนอก หน้าห้องน้ำ ก่อนที่คุณหมอจะมาถึง



คุณหมอ ยังบอกว่า โรงพยาบาล มีเสียงประกาศตามสายทุก 2 ชั่วโมง ซึ่งเป็นเสียงคุณหมอเอง รวมถึงป้ายที่ปิดประกาศข้อความว่า



“นี่คือประกาศคำเตือนจากโรงพยาบาลงกุฏวัฒนะ ซึ่งเป็นรพ.ปลอดบุหรี่อย่างเด็ดขาด ดังนั้นผู้ลักลอบสูบบุหรี่ในพื้นที่ รพ. ทั้งภายใน และภายนอกอาคาร โดยครอบคลุมถึงสุขา / ห้องพักส่วนตัว / ระเบียงห้องพักผู้ป่วย และหรือลานจอดรถในอาคารต่างๆด้วย



ทั้งนี้ทีมงาน นำโดยผู้อำนวยการ รพ. จะดำเนินการ โดยไม่ให้เกียรติผู้ลักลอบ

สูบบุหรี่ ปรับในอัตราสูงสุด 5,000 บาท และไล่ออกจากพื้นที่ รพ.โดยไม่มีการไว้หน้า ไม่เกรงใจ ไม่ว่าจะเป็นผู้ป่วยนอก หรือผู้ป่วยใน หอผู้ป่วย หรือจะมีตำแหน่งสูงส่ง หรือร่ำรวยเพียงใดก็ตาม รพ. ไม่ง้อ และไม่ต้องการผู้ใช้บริการ หรือญาติที่ไม่เคารพและปฏิบัติตามกฎระเบียบของ รพ.



ทั้งนี้ท่านสามารถไปใช้บริการที่ รพ.อื่นๆ ที่ยินยอมให้ท่านทำตามอำเภอใจของท่านก็แล้วกัน



การสูบบุหรี่นอกเหนือจากเป็นภัยแก่ผู้สูบบุหรี่แล้ว ยังส่งผลเสียต่อบุคคลอื่นๆที่ต้องสูดดมควันบุหรี่อันเป็นสาเหตุก่อมะเร็งปอด

ไปด้วย ทั้งยังเป็นต้นเหตุแห่งอัคคีภัยในสถานที่โรงพยาบาล ซึ่งเป็นอาคารที่มีผู้ป่วย ผู้มาเยี่ยมเยียน ผู้มาติดต่อและบุคลากรผู้ทำงานจำนวนมาก



หากผู้ลักลอบสูบบุหรี่ไม่พอใจ และแสดงอาการก้าวร้าวเกรี้ยวกราด ทีมงาน รพ. จะโต้ตอบด้วยความดุเดือด รุนแรง โดยไม่เกรงใจ และไม่เกรงกลัวต่อการสูญเสีย

ลูกค้าผู้ใช้บริการ หรือการฟ้องร้อง ร้องเรียนใดๆทั้งสิ้น



โรงพยาบาล ขอประกาศเตือนผู้กระทำการลักลอบสูบบุหรี่ว่าอย่าท้าทาย หรือลองดีกับ รพ.



พลตรีนายแพทย์เหรียญทอง ยืนยันว่า ยอมรับว่าตบหน้าเด็กจริง โดยเลือกที่จะไม่คุยกับเด็กก่อน และก่อนหน้านี้ก็เคยทำแบบนี้กับคนอื่น ไม่ใช่แค่เด็กวัย 14 คนนี้คนเดียว เพราะโรงพยาบาลเป็นสถานที่ที่มีผู้ป่วยเยอะ โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคมะเร็ง และทางโรงพยาบาลก็มีประกาศเตือนอยู่แล้วทุก 2 ชั่วโมง



ส่วนเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นยินดีรับผิดตามกฎหมายและยอมติดคุก และหลังจากนี้จะเพิ่มโทษปรับเป็น 5 แสนบาท จากเดิม 5,000 บาท หากใครทำผิด



ผู้สื่อข่าวถามต่อว่า เดี๋ยวแม่ของเด็กและตัวเด็กจะเดินทางมาที่โรงพยาบาลเพื่อขอโทรศัพท์มือถือคืน คุณหมอบอกว่า ยืนยันว่าจะไม่คุยกับคู่กรณีให้คุยกับลูกน้อง เพราะตนเองไม่ใช่คนเจรจาไก่เกลี่ย และไม่เคยขอขมากุ๊ย ตนซื้อกระเช้าไม่เป็น ถ้าทำผิดกฎหมายรับโทษอาญาแผ่นดิน



และถ้าแม่เด็กมีท่าทีอ่อนลงจะมีการประนีประนอมหรือไม่ คุณหมอถามกลับว่าจะประนีประนอมอะไร ก็เค้าว่าเค้าถูก เขาว่าเอาถึงที่สุดเข้าถึงที่สุดไป แต่คุณหมอก็ยืนยันว่า เรื่องนี้ไม่เกี่ยวภรรยาของเด็ก ก็ได้ย้ำกับเจ้าหน้าที่ว่าให้รักษาเต็มที่ แต่ท้ายสุดเค้าปฏิเสธการรักษา ก็ไม่เป็นไร



และหากอยากจะมารับโทรศัพท์ ก็มาโทรศัพท์ก็มารับ สำหรับตนเองคุ้มค่าแล้ว เพราะสังคมจะได้รู้ว่าการสูบบุหรี่ในโรงพยาบาลเป็นสิ่งต้องห้าม ส่วนค่าปรับไม่เอาแล้ว

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ