ยอมสึกไปสู้คดี! พระสั่งเมียเก่าคอลสยิว หวั่นทำศาสนามัวหมอง จ่อแจ้งความกลับยันมีหลักฐาน

ยอมสึกไปสู้คดี! พระสั่งเมียเก่าคอลสยิว หวั่นอยู่ไปจะเป็นต้นเหตุให้พระพุทธศาสนามัวหมอง เก็บสัมภาระกลับบ้าน ขอไปสู้แบบเป็นฆราวาสกับอดีตเมียให้ถึงที่สุดยืนยันมีหลักฐาน

ที่จังหวัดอุทัยธานี จากกรณีที่ทางนางสาวมานิตา อายุ 29 ปี ผู้เสียหาย เดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมกับนายเอกภพ เหลืองประเสริฐ ที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย และผู้ก่อตั้งเพจสายไหมต้องรอด หลังไม่สามารถทนพฤติกรรมของอดีตสามีขี้หึงได้ ในขณะบวชเป็นพระยังมีการสั่งให้ผู้เสียหายวิดีโอคอลหาตลอด ไม่เว้นตอนอาบน้ำ นอกจากนี้ อดีตสามีคนดังกล่าวยังมีการแคปภาพตอนผู้เสียหายโป๊ไปโชว์ให้พระในวัดดู ซึ่งเมื่อช่วงบ่ายวานนี้ (14 พ.ค.) พระสิทธิพล ทองตัน หรือพระเผือก ได้ตัดสินใจลาสิขาจากสมนเพศของพระสงฆ์ เป็นฆราวาสแล้ว

ล่าสุดเช้าวันนี้ (15 พ.ค.) พระมหาภาณุภาค อนาลโย หรือพระมหาต้อย รักษาการเจ้าอาวาส พาดูห้องที่นายเผือกพักอยู่ ก่อนที่นายเผือกจะเข้ามาเก็บสัมภาระต่าง ๆ ของตัวเองแพ็คใส่กระเป๋าเดินทาง เพื่อเดินทางกลับบ้านย่านตลิ่งชัน กรุงเทพมหนคร

ก่อนกลับนายเผือกไดไปกราบลา พระมหาภาณุภาค อนาลโย หรือพระมหาต้อย รักษาการเจ้าอาวาส ซึ่งรักการก็ได้อวยพรขอทำสิ่งที่ถูกกต้อง และขอให้เดินทางด้วยความปลอดภัย รวมทั้งได้กราบลาพระหลวงตาพระลูกวัดและพระรูปอื่นที่อยู่ภายในวัด และเดินไปรอรถโดยสารอยู่ที่หน้าวัด

นายสิทธพล ทองตัน หรือนายเผือก กล่าวว่า การลาสิขาในครั้งนี้ ทั้งที่ในใจอยากบวชนาน ๆ แต่มีเรื่องราวที่เกิดขึ้นจนเป็นข่าวดัง และเป็นไปในทางเสื่อมเสีย และไม่อยากให้ตัวเองเป็นต้นเหตุ ทำให้พระพุทธศาสนามัวหมอง และไม่อยากให้วัดที่มาบวช ซึ่งเป็นวัดที่มีชื่อเสียงของจังหวัดอุทัยธานี เสียงชื่อเสียงไปด้วย

แต่ไม่ได้สึกเพราะตัวเองยอมรับผิดแต่อย่างใด และจะขอต่อสู้ และจะแจ้งความดำเนินคดีกับคู่กรณีให้ถึงที่สุด และมั่นใจว่าตัวเองมีหลักฐาน ว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันมาจากอะไร

ด้าน พระมหาภาณุภาค อนาลโย หรือพระมหาต้อย รักษาการเจ้าอาวาส กล่าวว่า การสึกจากความเป็นพระของนายเผือกในครั้งนี้ ก็เกิดมาจากข่าวดังที่มีการร้องกับเพจสายใหม่ต้องรอด แต่การสึกไม่ได้มีการบังคับหรือกดดันแต่อย่างใด แต่เป็นความสมัครใจ เพื่อความสบายใจของทุกฝ่าย

แต่ได้ย้ำถึงเรื่องที่ทางวัดมีแก๊งที่จะไปร่วมกับนายเผือก และเรื่องอวดรูปขณะอดีตเมียแก้ผ้าอาบน้ำก็ไม่มีเพราะที่นี่เป็นพระผู้สูงอายุ และมีอายุ กว่า 70 ปี กันทุกรูป ขณะเป็นพระก็ต่างคนต่างอยู่ และปฏิบัติศาสนิกของสงฆ์ในแต่รูป ซึ่งทางนายเผือกก็ทำได้ดี ไม่ส่อเค้าว่าจะเป็นคนไม่ดีแต่ใด

ในขณะที่หลวงตาทัน เป็น 1 ในพระลูกวัดของวัดนี้ ก็บอกว่าว่านายเผือกขณะบวชอยู่ ก็เป็นคนเงียบ ๆ ไม่ได้ยุ่งเกี่ยวอะไรกับใคร และเป็นคนอ่อนน้อม และสำรวม อีกด้วย