สังคม

ดับสนิทแล้ว! เพลิงไหม้โกดังเก็บสารเคมีภาชี เจอสารเคมีรั่วไหลเต็มพื้น ฟองเดือดผุด ๆ

โดย nattachat_c

3 พ.ค. 2567

19 views

จากกรณี เกิดเหตุเพลิงไหม้โกดังเก็บกากสารเคมี 4,000 ตัน จำนวน 5 โกดัง ในพื้นที่หมู่ 2 ต.ภาชี อ.ภาชี จ.พระนครศรีอยุธยา โดยเพลิงได้ไหม้โกดังหลังที่ 3-4-5 ซึ่งเป็นโกดังที่อายัดกากสารเคมีของกลางไว้จำนวนมาก โดยเป็นจำพวกกรดซัลฟิวริก น้ำมันเครื่องเก่า กากสี และปลอกสายไฟ ซึ่งเคยถูกวางเพลิง เมื่อ 29 ก.พ. 67 ทำให้เจ้าหน้าที่เร่งตรวจสอบเหตุครั้งนี้ว่า เป็นการวางเพลิงหรือไม่ ทั้งนี้ ได้ประเมินเบื้องต้นว่า กากสารเคมีน่าจะหายไปราว 2 พันตันแล้ว จากเหตุเพลิงไหม้ 2 ครั้ง ที่ผ่านมา


วานนี้ (2 เม.ย.) ตลอดทั้งวัน เจ้าหน้าที่ป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย เขต 2 พร้อมเจ้าหน้าที่ ปภ.จังหวัดพระนครศรีอยุธยา ได้นำรถหอฉีดน้ำขนาดความสูง 45 เมตร  และเครื่องสูบน้ำระยะไกล มาใช้เป็นอุปกรณ์ในการเข้าไปดับไฟที่ยังหลงเหลืออยู่เป็นกลุ่มเล็ก ๆ ภายในโกดังเก็บสารเคมี โกดังที่ 4 และ โกดังที่ 5


ด้าน สมาคมตอบโต้ภัยพิบัติ ได้ใช้โดรนบินสำรวจ พบว่า ยังมีกลุ่มไฟเล็ก ๆ อยู่ และยังมีควันฟุ้งออกมาเป็นระยะ รวมถึงได้วัดปริมาณความร้อน พบว่า ความร้อนภายในโกดังที่ 4 ยังสูงถึง 400 องศา และด้วยสภาพโครงสร้างอาคารไม่แข็งแรง ทำให้ยังไม่สามารถให้เจ้าหน้าที่เข้าไปภายในได้ จึงต้องใช้หอกระเช้าฉีดน้ำตรงนี้ และฉีดโฟมอัดเข้าไป เพื่อไม่ให้มีจุดความร้อน และไม่ให้มีควันหลงเหลืออยู่


ทั้งนี้ ใช้เวลาฉีดน้ำ และโฟม ไม่ถึง 20 นาที ก็ทำให้ดับไฟได้จดหมด และอุณหภูมิความร้อนลดลง จน โกดัง 3 และ โกดัง 4 ไม่เหลืออุณหภูมิความร้อนแล้ว มีเพียงโกดังที่ 5 ที่ยังมีควันอยู่ เพราะรถกระเช้าฉีดน้ำเข้าไม่ได้


ช่วงเย็นเจ้าหน้าที่จึงได้ทำการตัดหญ้า เพื่อนำรถกระเช้าฉีดน้ำเข้าไปหน้าโกดัง ทำการฉีดน้ำ และโฟม ลดอุณหภูมิความร้อนให้หมดลง


นอกจากนั้น ยังมีการนำทรายมากองทำเป็นเป็นแนวกั้น บริเวณกำแพงโกดังที่ติดกับคลองชลประทาน เพื่อไม่ให้น้ำที่ปนเปื้อนสารเคมีไหลลงสู่แหล่งน้ำสาธารณะ


ซึ่งสิ่งที่หลายฝ่ายกำลังเฝ้าระวังนับจากนี้คือ บรรดาของเหลวโดยเฉพาะกรดเข้มข้นที่กระจายเกลื่อนพื้น อาจจะทะลักออกจากโรงงาน แล้วลงคลองระบายน้ำ และลงคลองชลประทาน เหมือนที่เคยเกิดเมื่อกุมภาพันธ์ ปีที่แล้ว

-------------

ช่วงกลางวัน ทีมข่าวย้อนกลับไปดูบริเวณกำแพง ซึ่งอยู่ติดกับโกดัง 5 ติดกับถนนเลียบคันคลองชลประทาน มีร่องรอยถูกทุบเป็นช่องขนาดใหญ่ เข้าไปด้านในได้ และลวดหนามที่ขึงปิดล้อมไว้ถูกตัดขาด (เจ้าหน้าที่เป็นคนตัดเพื่อเข้าไปดับเพลิง) จุดนี้ เทศบาลตำบลภาชีได้แขวนป้ายไว้ว่า “วัตถุอันตรายห้ามเข้าพื้นที่โดยเด็ดขาด” และมีกล่องจุดตรวจปกครอง


ทีมข่าวตรวจสอบมองเข้าไปด้านในโกดัง 5 ทะลุไปยังโกดัง 4 พบสารเคมีที่รั่วไหลเต็มพื้นปะปนกัน ไม่รู้เป็นสารชนิดใดบ้าง ลักษณะเหมือนทำปฏิกิริยาเป็นฟองเดือดผุด ๆ และเต็มไปด้วยปลอกสายไฟเก่าจำนวนมาก กองทับถมกันไว้ แต่ยังไม่ถูกไฟไหม้


เวลา 20.00 น. นายนิวัฒน์ รุ่งสาคร ผู้ว่าราชการ จ.พระนครศรีอยุธยา ลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์ บอกว่า ภายในโกดัง 4 กับ โกดัง 5 (ถูกไฟไหม้มากที่สุด) เพลิงดับหมดแล้ว เหลือเพียงจุดความร้อนในโกดังที่ 5 จำนวน 2 จุด และโดรนจับความร้อนได้ 200 องศา หากปล่อยทิ้งไว้จะกลายเป็นความร้อนสะสมติดไฟลุกไหม้ขึ้นอีกรอบ และพบว่า ยังมีกลุ่มควันสีขาวลอยออกมาฟุ้งกระจายต่อเนื่อง


กระทั่ง 21.00 น. ก็ยังมีอยู่กลุ่มควันที่ลอยออกมาจากโกดัง เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงใช้รถกระเช้ายกสูง เพื่อฉีดน้ำเข้าไปด้านใน แต่ฉีดไม่ถึงเนื่องจากติดหลังคา จึงระดมกำนันผู้ใหญ่บ้าน พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่อาสาสมัครกู้ภัย ขนไม้พาเลทกว่า 100 อัน ลำเลียงเป็นสะพานทางเดิน ปูข้ามกรดเข้มข้นบนพื้นโกดัง 5 หลีกเลี่ยงการเหยียบย่ำน้ำกรดเข้มข้นที่เป็นอันตรายต่อเจ้าหน้าที่


จากนั้น เจ้าหน้าที่ดับเพลิงได้เข้าไปสำรวจด้านใน และควบคุมไม่ให้เพลิงปะทุอีก โดยการปฏิบัติการต้องทำให้แล้วเสร็จภายในค่ำคืนวันนี้ (2 พ.ค. 67) ไม่เช่นนั้น สารเคมีอาจจะลุกไหม้อีกระลอก สร้างความเดือดร้อนให้กับประชาชน


ผู้ว่าฯ ระบุว่า สถานการณ์ไม่น่าเป็นห่วงแล้ว ซึ่งหลังจากที่ความร้อนหมดลง ก็จะประสานพิสูจน์หลักฐานเข้าตรวจสอบ ทั้งนี้ มีการหารือถึงการดำเนินการกับสารเคมีที่เหลือ กับกรมโรงงานอุตสาหกรรม ถึงขั้นตอนการขนย้ายออกไป ว่าจะดำเนินการอย่างไร เพราะต้องการให้ขนย้ายออกไปให้เร็วที่สุด


ส่วนสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ ตำรวจอยู่ระหว่างการตรวจสอบกล้องวงจรปิดว่า มีใครลักลอบเข้ามาหรือไม่ เพราะพื้นที่นี้เป็นพื้นที่อายัดของกลาง ห้ามคนนอกเข้ามาเด็ดขาด


ด้าน พล.ต.ต.โชติวัฒน์ เหลืองวิลัย ผู้บังคับการตำรวจภูธร จ.พระนครศรีอยุธยา เปิดเผยถึง การตรวจสอบหาสาเหตุของการเกิดเพลิงไหม้ ว่า จะต้องรอไฟดับสนิท รอความร้อนหมด และรอเจ้าหน้าที่ประเมินโครสร้างของอาคารว่าปลอดภัยก่อน จึงจะเข้าตรวจสอบเพื่อหาสาเหตุได้


ทั้งนี้ จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดที่อยู่โดยรอบพื้นที่ของโกดัง เบื้องต้นยังไม่พบความผิดปกติของบุคคลที่เข้าไปภายในพื้นที่ ยังพบเพียงเจ้าหน้าที่ที่เข้าออกเท่านั้น  


เบื้องต้นพบว่า เพลิงไหม้เกิดจากบริเวณโกดังที่ 5 แต่ยังไม่สามารถบอกได้ว่า จะเป็นการวางเพลิงหรือไม่ ต้องขอเวลาตำรวจทำงานก่อน คาดว่าประมาณ 2 วันจะมีความชัดเจนขึ้น

----------------



คุณอาจสนใจ

Related News