เลือกตั้งและการเมือง

แถลงจับ ‘ศรีสุวรรณ’ ตำรวจมั่นใจหลักฐาน – ‘ศรีสุวรรณ’ รอดนอนคุกยื่น 4 แสนประกันตัว ยันไม่ได้เรียกรับเงิน

โดย petchpawee_k

27 ม.ค. 2567

176 views

ตำรวจ ปปป.  ป.ป.ช. และ ป.ป.ท. ร่วมกันแถลงข่าว จับกุมตัวนายศรีสุวรรณ จรรยา - เจ๋ง ดอกจิก และอดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ในความผิดร่วมกันข่มขู่เรียกเงิน จากอธิบดีรายหนึ่ง เป็นเงิน 3 ล้านบาท เพื่อแลกกับการไม่ร้องเรียนหรือกลั่นแกล้งให้ถูกตรวจสอบ  ตำรวจยืนยันหลักฐานแน่นหนา เพราะใช้เวลารวบวรวมข้อมูลนานกว่า 4 เดือน พร้อมย้ำ “งานนี้ศรีเหนื่อย”


วานนี้ ( 26 ม.ค.) พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง  พร้อมด้วยพลตำรวจตรีประสงค์ เฉลิมพันธ์ ผู้บังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (ปปป.) / นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) / และนายภูมิวิศาล เกษมศุข เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ(ป.ป.ท.) ร่วมกันแถลงข่าว


กรณีจับกุมตัวผู้ต้องหา 3 ราย ประกอบด้วย นายศรีสุวรรณ จรรยา ผู้นำองค์กรรักชาติ รักแผ่นดิน  นายยศวริศ ชูกล่อม หรือ เจ๋ง ดอกจิก ประธานกลุ่มรวมใจรักชาติ หนึ่งในคณะทำงานเขตราชการที่ 11 ที่ได้รับการแต่งตั้งจากนายพีรพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค รองนายกรัฐมนตรี และนางสาวพิมณัฏฐา อดีตผู้สมัคร ส.ส.พรรครวมไทยสร้างชาติ ในฐานความผิดร่วมกันข่มขู่เรียกเงินจำนวน 3 ล้านบาท จากอธิบดีรายหนึ่ง สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์การเกษตร


พลตำรวจตรีจรูญเกียรติ ปานแก้ว รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง กล่าวว่า การจับกุมผู้ต้องหา 3 รายวันนี้ เป็นการทำงานร่วมกันของ 3 หน่วยงาน คือ ปปป. / ป.ป.ช./ และ ป.ป.ท. เนื่องจากผู้เสียหายรายหนึ่ง เป็นอธิบดีคนหนึ่งของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ได้รับความเดือดร้อน เข้ามาร้องเรียนกับตำรวจ ปปป. ทางตำรวจ ปปป.จึงรวบรวมข้อมูล และส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.พิจารณา จนเปิดปฏิบัติการจับกุมผู้ต้องหา 3 รายในวันนี้


นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กล่าวว่า ในช่วงต้นเดือนมกราคม 2567 มีอธิบดีรายหนึ่ง สังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เข้ามาร้องทุกข์กล่าวโทษกับเจ้าหน้าที่ ป.ป.ช. ว่าถูกหนึ่งในคณะทำงานเขตราชการที่ 11 ร่วมกับนายศรีสุวรรณ จรรยา ข่มขู่เรียกเงิน 3 ล้านบาท เมื่อตรวจสอบข้อมูลต่างๆปรากฎข้อมูลว่า ผู้ต้องหาทั้ง 3 ราย ได้ร่วมกันเรียกรับเงินจากอธิบดีกรมการข้าว


โดยมีวิธีการคือ มีบัตรสนเท่ห์ร้องเรียนอธิบดีกรมการข้าว เกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ในหน่วยงาน เกี่ยวกับโครงการต่างๆ มูลค่าโครงการมากกว่าพันล้านบาท เมื่อมีข่าวเรื่องบัตรสนเท่ห์ออกไป นายยศวริศ ชูกล่อม ได้เป็นผู้ประสานงาน ติดต่อให้อธิบดีกรมการข้าว พูดคุยกับนายศรีสุวรรณ จรรยา เพื่อเรียกรับผลประโยชน์ แลกกับการยุติเรื่องร้องเรียน ที่มีการกล่าวหาในบัตรสนเท่ห์ โดยครั้งแรกเรียกรับเงินจำนวน 3 ล้าน แต่มีการต่อรองจนเหลือ 1.5 ล้านบาท


ซึ่งขณะกระทำความผิด นายยศวริศ ชูกล่อม เป็นเจ้าหน้าที่ของรัฐ เพราะเป็นคณะทำงานเขตตรวจสอบราชการที่ 11 ซึ่งได้รับแต่งตั้งตามคำสั่งรองนายกรัฐมนตรี ส่วนการจ่ายเงินนั้นทางอธิบดีกรมการข้าว ได้จ่ายเงินงวดแรกไป 5 หมื่นบาท และงวดที่ 2 เป็นเงิน 1 หมื่นบาท เพราะเกรงว่าหากถูกร้องเรียนจะได้รับความเสียหาย แต่ภายหลังอธิบดีกรมการข้าว จึงคิดว่าตนเองไม่ได้ทำอะไรผิด ทำไมต้องจ่ายเงิน ทางผู้เสียหายหรืออธิบดีกรมการข้าว จึงได้เข้าร้องทุกข์กับ ป.ป.ช. และ ตำรวจ ปปป.


ทางเจ้าหน้าที่จึงได้วางแผนจับกุมด้วยการนัดหมายว่าจะนำเงินที่เหลือไปให้นายศรีสุวรรณ จรรยา และภรรยา ที่บ้านของนายศรีสุวรรณ จึงได้นำเงินของกลางอีก 5 แสนบาทไปให้ที่บ้านนายศรีสุวรรณ เมื่อมอบเงินแล้วเจ้าหน้าที่จึงเข้าจับกุม และพบเงินของกลางจำนวน 5 แสนบาทอยู่ที่บ้านนายศรีสุวรรณ แต่ก่อนหน้านั้นเจ้าหน้าที่ มีการเก็บข้อมูลการติดต่อ ทั้งแอปพลิเคชั่นไลน์ การติดต่อสื่อสารทางโทรศัพท์ เจ้าหน้าที่ได้รวมรวบข้อมูลไว้ทั้งหมดแล้ว ดังนั้นการจับกุมครั้งนี้ถือว่าประสบความสำเร็จตามที่ได้วางแผนกันไว้


รองผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง ให้ข้อมูลเพิ่มเติมว่า สำหรับพยานหลักฐานสำคัญ ที่นำมาสู่การจับกุมผู้ต้องหาทั้ง 3 คนในครั้งนี้ เนื่องจากข้าราชการรายหนึ่งถูกเรียกรับผลประโยชน์ โดยการข่มขู่ว่าถ้าไม่จ่ายเงิน จะร้องเรียนว่าทำการทุจริต แต่ข้าราชการรายนี้ มั่นใจว่าตนเองไม่ได้กระทำการทุจริต และจะไม่ยอมรับต่อการข่มขู่ จึงพยายามเก็บพยานหลักฐาน ทั้งข้อความทางไลน์ โทรศัพท์และคลิปวิดีโอ จนมีความชัดเจนในการกระทำความผิด ก่อนจะนำข้อมูลมามอบให้เจ้าหน้าที่ตำรวจ ปปป.และหน่วยงานต่างๆ เจ้าหน้าที่จึงรวบรวมพยานหลักฐาน และร่วมกันวางแผนจับกุม โดยใช้เวลารวบรวมข้อมูลนานกว่า 1 เดือน รวมกับหลักฐานของผู้เสียหายที่ใช้เวลารวบรวมมานานกว่า 3 เดือน ร่วมแล้วใช้เวลารวบรวมหลักฐานทั้งหมดกว่า 4 เดือน จนเชื่อว่ากลุ่มบุคคลเหล่านี้มีพฤติกรรมที่ส่อว่ากระทำความผิด และมีน้ำหนักพอ


จึงได้ไปขอให้ศาลออกหมายจับผู้ต้องหา ทั้ง 3 ราย จากการรวบรวมพยานหลักฐานพบว่ามีบัญชีม้าเข้ามาเกี่ยวข้องในช่วงแรกๆที่มีการโอนเงินไปจำนวนน้อยๆ เป็นการโอนเงินเข้าบัญชีม้า และกลุ่มผู้กระทำความผิดมีการอ้างถึงผู้ใหญ่ แต่เจ้าหน้าที่ไม่เชื่อเรื่องการกล่าวอ้าง เพราะกลุ่มบุคคลที่กระทำความผิด พบว่ามีการทำเป็นกระบวนการ


ทั้งนี้เบื้องต้นจากการสอบปากคำ นายศรีสุวรรณ ยังให้การปฏิเสธ แต่ยอมรับว่ามีคนนำเงินมาให้จริง แต่เป็นการยัดเยียดให้ ส่วนกรณีที่มีข่าวว่านายศรีสุวรรณ มีการโยนเงินออกจากบ้านนั้นเป็นเรื่องจริง เพราะเจ้าหน้าที่พบว่าในบ้านมีคนวิ่งพยายามหลบหนี แต่เจ้าหน้าที่ล้อมบ้านไว้หมดแล้ว จึงไม่สามารถหลบหนีได้ เจ้าหน้าที่จึงเข้าตรวจค้นภายในบ้าน พบตัวนายศรีสุวรรณภายในบ้าน เจ้าตัวยอมรับว่ามีคนนำเงินมาให้จริง แต่ตนเองไม่ได้เรียกรับผลประโยชน์ มีคนมายัดเยียดให้


สรุปแล้วเงินที่จ่ายไปทั้งหมดแล้วเป็นเงิน 660,000 บาท (แบ่งเป็นการจ่าย 50,000 / จ่าย 10,000 / จ่าย 100,000 / และรอบล่าสุดคือ 500,000 ) เหลือที่ติดค้างต้องจ่ายเพิ่มเติมอีก 840,000 บาท เพราะตกลงจ่ายกันไว้ที่ 1 ล้าน 5 แสนบาท จากยอดที่เรียกตอนแรกคือ 3 ล้านบาท

-------------------------------------------------

"ศรีสุวรรณ-เจ๋ง" ดอกจิก ยื่นเงินสด 4 แสนได้ประกันตัว หลังตำรวจเค้นสอบนานกว่า 9 ชม. ยังให้การปฎิเสธ พร้อมเดินหน้าร้องเรียนต่อ


ภายหลังสอบปากคำนายศรีสุวรรณ จรรยา นานเกือบ 9 ชั่วโมง ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้มีการสอบปากคำในประเด็นต่างๆ มีการให้นายศรีสุวรรณ ชี้แจงภาพบริเวณจุดทิ้งถุงเงิน , โฉนดที่ดิน 5 แปลง เซิฟเวอร์คอมพิวเตอร์ รวมถึงของกลางที่ตรวจยึดมาได้จากที่บ้าน ก่อนแจ้งข้อหา สนับสนุนเจ้าพนักงานของรัฐเรียกรับทรัพย์หรือประโยชน์อื่นใด โดยมิชอบ, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้ตนหรือผู้อื่นได้ประโยชน์ในลักษณะที่เป็นทรัพย์สิน, ร่วมกันข่มขืนใจผู้อื่นให้กระทำการใดหรือไม่กระทำการใดฯ ตามหมายจับ ศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลาง


ซึ่งนายศรีสุวรรณ ให้การปฏิเสธทุกข้อหา ก่อนจะยื่นเงินสด 4 แสนบาทเพื่อขอประกันตัว ซึ่งพนักงานสอบสวนไม่คัดค้านและอนุญาตให้ประกันตัว


นายศรีสุวรรณ ให้สัมภาษณ์ หลังได้รับการประกันตัว โดยยืนยันว่าไม่ได้มีการเรียกรับเงินจากอธิบดีกรมการข้าว ส่วนที่โยนเงินจำนวน 500,000 บาททิ้งที่ข้างบ้าน เนื่องมาจาก ตนเองเห็นว่ามีใครก็ไม่รู้นำเงินมาแขวนไว้ ภรรยาตนเองซึ่งไม่รู้เรื่อง ได้นำเงินดังกล่าวมาให้ตนเองดู เมื่อเห็นว่าไม่ใช่เงินของตัวเองและเข้าข่ายน่าสงสัย จึงนำไปทิ้งเพื่อปัดให้พ้นตัวไปก่อน ยอมรับว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นรู้สึกตกใจแต่ก็ไม่ทำให้เสียขวัญ และยังมีกำลังใจที่ดีอยู่


การที่ตนเองถูกดำเนินคดีครั้งนี้ถือเป็นเรื่องธรรมดา การทำหน้าที่ตรวจสอบการทุจริตก็เหมือนการเดินฝ่าฝน ต้องเปียกเป็นธรรมดา แน่นอนว่าต้องมีไปเหยียบตาปลาผู้มีอำนาจ โดยคดีในวันนี้เชื่อว่ามาจากผู้ที่เสียผลประโยชน์ หนึ่งในนั้นคือผู้เสียหายในคดีนี้ ที่ตนเองกำลัง ได้แจ้งสื่อมวลชนว่ากำลังตรวจสอบอย่างเข้มข้น ทำให้เจ้าตัวอาจเกิดความหวาดวิตก พยายามหาหนทางที่จะล้มตนเองให้ได้ ซึ่งตนเองยืนยันว่ามีข้อมูลพยานหลักฐานทุกอย่าง ที่จะสามารถยืนยันหักล้างทุกอย่างในคดี


นายศรีสุวรรณ ยังบอกอีกว่า การทำให้ศรีสุวรรณล้มลงได้ก็ทำให้คนเหล่านี้ผยองขึ้น ตนเองทำใจได้มาโดยตลอด ครั้งนี้ตนเองพร้อมเข้าสู่กระบวนการยุติ แต่ก็จะทำหน้าที่ในการตรวจสอบข้อร้องเรียนการทุจริตของผู้มีอิทธิพลต่อไป ทั้งการฟ้องร้องคดีความให้กับชาวบ้านที่ได้รับความเดือดร้อนให้ได้รับความเป็นธรรม การจับผิดนักการเมืองข้าราชการ ที่ทุจริตคอรัปชัน

ขณะที่เจ๋ง ดอกจิก ก็ตอบคำถามผู้สื่อข่าวเมื่อถูกถามว่าได้เรียกรับเงินจริงหรือไม่ เจ๋งตอบเพียงสั้นๆ ว่า ไม่มีๆ พร้อมส่ายหน้าปฏิเสธ โดยเจ้าตัวได้ยื่นหลักทรัพย์เป็นเงินสด 4 แสนบาทเพื่อขอประกันตัวเช่นกัน

ต่อมาเวลาประมาณ 05.50 น. นายยศวริศ หรือ เจ๋ง ดอกจิก พร้อมนางสาวพิมณัฏฐา ก็ได้รับการประกันตัว หลักทรัพย์เป็นเงินสด 4 แสนบาทเช่นกัน โดยเจ๋ง ดอกจิก ให้สัมภาษณ์กับทีมข่าวว่าปฏิเสธทุกข้อกล่าวหา ไม่ได้มีการเรียกรับเงินจากอธิบดีกรมการข้าวแต่อย่างใด แต่ยอมรับว่าเคยเป็นตัวกลางประสานงานระหว่างนายศรีสุวรรณและอธิบดีกรมการข้าว เพราะทราบว่ามีการจะฟ้องร้องกัน แต่ไม่ได้มีการเรียกรับเงิน ทั้งนี้ตนเองพร้อมต่อสู้คดี และในวันที่ 26 กุมภาพันธ์ก็นัดหมายพนักงานสอบสวน เพื่อนำพยานหลักฐานไปมอบเพิ่มเติมด้วย


https://youtu.be/XdQcdNnnd-o

คุณอาจสนใจ

Related News