สังคม
ซ้อนแผนจับ 'นายกเล็กบางแก้ว' ทุจริต ตกใจโยนเงินของกลางเข้าใต้ท้องรถ เชื่อยังมีซุกบ้านภรรยาหลายคน
โดย thichaphat_d
22 ก.ย. 2566
923 views
บุกรวบ นายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว เรียกรับเงินสินบนผู้ประกอบการแลกสัญญาลงนาม ยึดของกลางเงินสดกว่า 1.5 ล้านบาท จนท.เข้าแสดงตัวจับกุม เจ้าตัวรีบวิ่งไปบริเวณรถของตนเองโยนถุงสีดํา ภายในบรรจุเงินของกลางเข้าไปบริเวณใต้ท้องรถอ้างตกใจ
วานนี้ (21 ก.ย.) เวลา 11.30 น. นายศรชัย ชูวิเชียร เลขา ปปท. พร้อมด้วย พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. รรท.ผบก.ทล. และเจ้าหน้าที่เกี่ยวข้องร่วมกันบุกจับกุมนายณัฐพงศ์ (สงวนนามสกุล) หรือนายกเปิ้ล อายุ 53 ปี นายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว ยึดของกลางเงินสดจำนวน 1,560,650 บาท สมุดบัญชีธนาคาร 6 เล่ม อาวุธปืนกล๊อก 1 กระบอก พร้อมเครื่องกระสุน
โดยจับกุมได้ที่ศูนย์การค้าแห่งหนึ่ง ใน ต.บางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ซึ่งเป็นสถานที่นัดจ่ายเงิน ห่างจากสำนักงานเทศบาลเมืองบางแก้ว ราว 3 กิโลเมตร จากนั้นได้มีการขอหมายค้นเข้าค้น 4 จุดพร้อมกัน ประกอบด้วยบ้านพักนายกฯ / ห้องทำงาน / บ้านพักของภรรยาคนที่ 1 / บ้านพักของภรรยาคนที่ 2 เพื่อหาหลักฐานต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้อง
สืบเนื่องจากเจ้าหน้าที่ตํารวจสอบสวนกลาง โดยกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.) ได้รับเรื่องร้องเรียนจากผู้ประกอบการในพื้นที่ อ.บางแก้ว จ.สมุทรปราการ ว่ามีเจ้าหน้าที่ระดับผู้บริหารของ เทศบาลเมืองบางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ มีพฤติกรรมเรียกรับเงินสินบนจากผู้ประกอบการ จํานวนร้อยละ 25 ของวงเงินตามสัญญา แลกกับหนังสือคู่สัญญาที่นายกเทศมนตรีจะต้องเป็นผู้ลงนามอนุมัติในโครงการจัดซื้อจอ LCD
ซึ่งต่อมาบริษัทของผู้เสียหาย ได้เข้ายื่นเสนอราคาแข่งขันในระบบ e-bidding และมีการแจ้งผลการแข่งขันราคา เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม 2566 ที่ผ่านมา และเป็นผู้ชนะการ เสนอราคาดังกล่าว แต่ปรากฏว่าถูกทางผู้บริหารของ เทศบาลเมืองบางแก้ว อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ เรียกเข้าไปคุยเจรจา พร้อมขอเงินค่าหนังสือคู่สัญญาที่นายกเทศมนตรีจะต้องเป็นผู้ลงนาม จํานวนร้อยละ 25 ของวงเงิน ตามสัญญาที่ได้มีการหักค่าภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว (หรือประมาณ 12,485,046.27 บาท) โดยให้จ่ายก่อนครึ่งหนึ่ง คิดเป็นเงินจํานวน1,560,630.84 บาท ถือว่าเป็นการกระทําที่ไม่ถูกต้องและไม่เป็นธรรมต่อ ผู้เสียหาย จึงได้นําหลักฐานเข้าแจ้งความร้องทุกข์ต่อเจ้าหน้าที่ตํารวจ บก.ปปป.
ซึ่งจากการสืบสวน มีพยานหลักฐานชัดเจนเพียงพอเชื่อได้ว่า นายณัฐพงศ์ นายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว มีพฤติการณ์ร่วมกันเรียกรับทรัพย์สินตามที่ผู้เสียหายมาร้องทุกข์จริง และเห็นว่าผู้กระทําผิดเป็น ถึงเจ้าหน้าที่รัฐระดับผู้บริหาร ของเทศบาลเมืองบางแก้ว ซึ่งได้ใช้ตําแหน่งอํานาจหน้าที่ในทางมิชอบและโดยทุจริตเรียกรับสินบนจากผู้เสียหายดังกล่าวประกอบกับมีข้อมลูว่าเคยมีพฤตกรรมเรียกรับเงินในลักษณะ เดียวกันกับผู้ประกอบการอื่นมาแล้วหลายราย
จึงเป็นที่มาให้ตํารวจกองบังคับการป้องกันปราบปรามการทุจริตและประพฤติมิชอบ (บก.ปปป.)ประสานความร่วมมือกับทางเจ้าหน้าที่ของ ปปช. ปปท. เพื่อ ใช้วิธีวางแผนเข้าจับกุมในขณะที่ทําการส่งมอบเงินกัน โดยได้นัดหมายให้ผู้เสียหายนําเงินสดจํานวน 1,560,639.84 บาท มาลงบันทึกประจำวันไว้เป็นหลักฐาน เพื่อใช้ในการส่งมอบให้นายณัฐพงศ์ ตามที่มีการเจรจากันก่อนหน้านี้
กระทั่งถึงเวลานัดหมาย เจ้าหน้าที่ตํารวจ บก.ปปป. ได้นัดให้ผู้เสียหาย นําเงินสด 1,560,650 บาท ที่ลงประจำวันไว้เป็นหลักฐานแล้ว ไปส่งมอบให้กับนายณัฐพงศ์ นายกเทศมนตรีเมืองบางแก้ว โดยมีเจ้าหน้าที่ ปปป. และ ปปช. ปปท.ได้วางกําลังซุ่มเฝ้าสังเกตการณ์อยู่บริเวณโดยรอบ ก่อนที่จะมีการส่ง มอบเงินตามที่มีการเจรจากันไว้
ขณะที่นายณัฐพงศ์ กําลังเดินออกมาจากศูนย์การค้าดังกล่าว เจ้าหน้าที่ตํารวจจึงเข้าแสดงตัว เพื่อเข้าจับกุม แต่ทันใดนั้นนายณัฐพงศ์ รีบวิ่งไปบริเวณรถของตนเอง ก่อนจะรีบโยนถุงสีดํา กล้องวงจรปิดจับภาพขณะเจ้าตัวถือถุงดำแล้วโยนถุงเข้าใต้ท้องรภ ซึ่งภายในบรรจุเงินของกลางเข้าไปบริเวณใต้ท้องรถอ้างตกใจ เจ้าหน้าที่จึงรีบควบคุมตัวนายณัฐพงศ์ ไว้ทันที
จากการตรวจสอบภายในถุงสีดํา ดังกล่าวพบเงินสด 1,560,650 บาท มีหมายเลขบนธนบัตรตรง กับหมายเลขธนบัตรที่ลงบันทึกประจำวันไว้ทุกฉบับ จึงได้แจ้งพฤติการณ์และข้อกล่าวหาให้นายณัฐพงศ์ พร้อมแจ้ง สิทธิตามกฎหมายให้ทราบ
จากนั้นนําตัวนายณัฐพงศ์ ไปตรวจค้นที่ห้องทํางาน และสถานที่เกี่ยวข้องเพื่อขยายผล และรวบรวมพยานหลักฐานเพิ่มเติม ก่อนนําตัวผู้ต้องหาส่งพนักงานสวนสวน บก.ปปป.เพื่อดําเนินคดีต่อไป ขณะที่เจ้าตัวให้การปฏิเสธ แต่เจ้าหน้าที่มีหลักฐานมัดตัวแน่นหนา
ระหว่างเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวนายกเทศมนตรีเทศบาลเมืองบางแก้ว ออกจากห้องทำงาน เพื่อลงมาขึ้นรถไปยัง ปปท. โดยระหว่างเชิญตัวมาขึ้นรถนั้น ผู้สื่อข่าวมีโอกาสได้ซักถาม เจ้าตัวตอบเพียงสั้น ๆ ว่าไม่รู้เรื่องเรื่องเงินก้อนดังกล่าวและขอปฎิเสธในเรื่องนี้ ตนเองไม่ทราบเลยเรื่องเงินดังกล่าว
ต่อมา 15.30 น.นายนิวัติไชย เกษมมงคล เลขาธิการคณะกรรมการ ป.ป.ช. ร่วมกับ ตำรวจ ปปป. และปปท. นำเงินสดของกลาง จำนวน 1.5 ล้าน มาตั้งโต๊ะแถลงข่าว เผยว่า จากการจับกุมครั้งนี้ เชื่อว่ายังมีของกลางและเงินซุกซ่อน อยู่ในออฟฟิศของนายกเปิ้ลอีก เพราะจากพฤติการสอบสวนพบว่ามีบ้านจากภรรยาหลายคน น่าจะมีการซุกซ่อนเงิน ทรัพย์สินแหล่งอื่น ๆ ที่อาจจะได้มาจากการการกระทำอื่น ๆ อีกด้วย เพราะฐานข้อมูลความผิดพบว่านายกเปิ้ล ถูกกล่าวหาใน ป.ป.ช.อีกลายเรื่องจึงมีการขอหมายตรวจค้น 4 แห่ง พบเอกสาร เงินสด เบื้องต้นนายกเปิ้ล ยังให้การปฏิเสธ
โดย พ.ต.อ.ประสงค์ เฉลิมพันธ์ รรท.ผบก.ปปป.ระบุว่า นายกเปิ้ล ให้การปฏิเสธแต่ยอมรับว่ารับเงินมาจากบริษัทนี้แต่พอถูกแจ้งข้อกล่าวหา นายกเปิ้ล ปฏิเสธเรื่องเรียกรับเงิน ซึ่งมีการยอมรับในข้อมเท็จจริง ว่าเป็นส่วนแบ่งจาโครงการ เบื้องต้นแจ้ง 2 ข้อหา ได้รับ 2 ข้อหา ม.149 และม.157 เป็นเจ้าพนักงานเรียกรับ และปฏิหน้าที่โดยมิชอบ
พล.ต.ต.จรูญเกียรติ ปานแก้ว ผบก.ปปป. และรักษาราชการแทนผู้บังคับการตำรวจทางหลวง เผยว่า หลายเหตุการณ์ เกี่ยวข้องกับผู้มีอิทธิพลในพื้นที่ อยากวิงวอนไปยังภาครัฐการจะปราบทุจริต ส่วนมากเมื่อถูกจับกุม ก็จะกลับไปนั่งทำงานต่อไม่มีผล เมื่อเทียบกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ ซึ่งหากถูกดำเนินคดีจะต้องถูกออกจากราชการไว้ก่อน
“อยากวิงวอนไปถึงกระทรวงมหาดไทย คดีที่ ปปป.จับกุมส่วนใหญ่เป็นนักการเมืองท้องถิ่นที่เมื่อถูกจับกุมก็จะกลับไปนั่งทำงานตามปกติ และกลับไปเรียกรับผลประโยชน์แบบบเดิม จึงอยากให้รัฐบาลนี้ที่จริงจังกับการกระทำลักษณะนี้ตรวจสอบการกระทำผิดในลักษณะนี้ของผู้มีอิทธิพล และนักการเมืองท้องถิ่น”
ทั้งนี้ พล.ต.ต.จรูญเกียรติ กล่าวต่อว่า ฝากเตือนผู้ที่กระทำความผิดว่าจากนี้ถ้าถูกจับกุมดำเนินคดี จะไม่ถูกดำเนินการเพียงแค่คดีความแต่จัดถูกตรวจสอบจากสอปอ บก.ปปป. / ป.ป.ช. / ป.ป.ท. / ป.ป.ง. เช่นเดียวกับคดีของกำนันนก ที่กระทำการในลักษณะนี้เช่นกัน
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/sCq9T4NcTkQ