กลุ่มผู้ประมูลตั้งข้อสังเกต หลังกรมศุลกากรแจงไม่มีส่วนเกี่ยวข้องประมูลนาฬิกาปลอม พบพิรุธหลายข้อ

การออกมาชี้แจงของโฆษกกรมศุลกากร ว่าไม่มีเจ้าหน้าที่กรมศุลกากรเข้าไปเกี่ยวข้อง ในการสับเปลี่ยนนาฬิกาจำนวน 13 เรือน ที่ยึดได้จากร้านขายสินค้าแบรนด์เนมในห้างสรรพสินค้าแห่งหนึ่ง ย่านสยามสแควร์ แต่เกิดจากความผิดพลาดของตัวแทนลิขสิทธิ์ ที่ตรวจสอบผิดจากของปลอม แล้วตรวจว่าเป็นของแท้



การสรุปออกมาเช่นนี้ ทำให้ผู้เข้าร่วมประมูลออกมาตั้งข้อสังเกตว่าเป็นไปได้ยาก ที่ร้านซึ่งตั้งอยู่ในห้างชื่อดัง มีสถานที่เป็นหลักแหล่งจะขายของปลอม โดยปัจจุบันร้านแห่งนี้ก็ยังเปิดขายนาฬิกาแบรนด์เนมอยู่ ส่วนตัวแทนลิขสิทธิ์ ก็เป็นบริษัทที่ได้รับความไว้วางใจให้ตรวจสอบสินค้าแบรนด์เนม เป็นไปได้ยากเช่นกัน ที่จะตรวจสอบผิดพลาด เพราะเป็นอาชีพที่ทำมานานจนเกิดความชำนาญ การออกมายืนยันของโฆษกกรมศุลกากร ว่า ไม่มีเจ้าหน้าที่เข้าไปเกี่ยวข้อง ในการกระทำผิด หรือสับเปลี่ยนนาฬิการะหว่างจับกุม และนำมารักษาไว้ในตู้เซฟ เป็นเวลา 1 ปี กระทั่งถึงขั้นตอนประมูลขาย



กระทั่งผู้ประมูล นำไปตรวจสอบพบว่าเป็นของปลอม พร้อมยืนยันว่าความผิดพลาดเกิดจากขบวนการชี้สิทธิ์ ที่ตัวแทนจากเจ้าของลิขสิทธิ์มาชี้ ยืนยันว่าเป็นของจริง ขณะที่เสียงสะท้อนจากผู้ที่เข้าร่วมประมูลว่า จากการพูดคุยจากคนในแวดวงการประมูล ให้ความเห็นตรงกันว่า ไม่น่าจะเป็นไปได้ แต่ที่ต้องออกมาสรุปความผิดพลาดเกิดจากคนนอก เป็นวิธีหาทางออกเพื่อไม่ให้หน่วยงานเสียหายมากกว่านี้ แต่ไม่ว่าจะมีเจ้าหน้าที่ศุลกากรเข้าไปเกี่ยวข้องหรือไม่ ซึ่งในกลุ่มของผู้ประมูล ได้เกิดความไม่มีความมั่นใจในหน่วยงานของกรมศุลกากรแล้ว เพราะการยึดสินค้าแบรนด์เนม ที่มีราคาแพงมาประมูลแต่กลายเป็นของปลอม



จึงขาดความน่าเชื่อถือว่าการยึดสินค้าแต่ละครั้ง จะเป็นของจริงหรือของปลอม หรือถูกสลับสับเปลี่ยนไปก่อนจะนำมาประมูลหรือไม่ และการที่เจ้าหน้าที่ไปยึดสินค้าแบรนด์เนม มาจากสถานที่ ซึ่งเป็นห้างสรรพสินค้าชื่อดัง มีหลักแหล่งชัดเจน จึงตั้งข้อสังเกตว่าร้านจะนำของปลอมมาวางขายให้เสียชื่อหรือไม่ เพราะไม่ใช่เป็นร้านตามตลาดนัด



ขณะที่เอกสาร ยืนยันจากตัวแทนลิขสิทธิ์ ที่ตรวจสอบนาฬิกาที่ได้มาจากการตรวจยึด ก็ยืนยันว่าเป็นของแท้ อย่างไรก็ตาม ที่กรมศุลกากรออกมาระบุว่า หากไม่ได้รับความเป็นธรรม ให้ฟ้องร้องทางแพ่งได้ หลายคนคงทราบดีว่าไม่มีประโยชน์และเสียเวลาที่จะฟ้องร้อง