เลือกตั้งและการเมือง

ประวัติศาสตร์ซ้ำรอย 'ธนาธร - พิธา' เดินออกสภา หลังมีศาลสั่งให้ยุติหน้าที่ สส.ชั่วคราว

โดย nattachat_c

20 ก.ค. 2566

493 views

วานนี้ (19 ก.ค. 66) ระหว่างการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาเลือกบุคคลดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี พบว่า ทันทีที่ศาลรัฐธรรมนูญได้เผยแพร่เอกสารข่าว เวลา 11.48 น. ว่า รับคำร้องของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ร้องวินิจฉัยวินิจฉัยสถานภาพความเป็น สส.ของนายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้าพรรคก้าวไกล สิ้นสุดลงหรือไม่ กรณีการถือหุ้น itv พร้อมสั่งให้นายพิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ สส.ทันที


จากนั้นนายพิธา ได้เดินออกจากที่ประชุมทันทีในเวลา 11.50 น. และได้เดินกลับมาในห้องประชุมในเวลา 11.55 น. คาดว่าจะมีการเดินออกไปหารือ จากนั้น สส.ของพรรคก้าวไกล พรรคเพื่อไทย ได้เดินมาให้กำลังใจนายพิธา แต่สีหน้าของนายพิธา ก็ยังยิ้มได้และชูนิ้วโป้ง โชว์ให้สื่อมวลชน นอกจากนี้ ยังมีการเดินไปหาสมาชิก


ขณะในที่ประชุม ส.ส.พรรคก้าวไกล ได้มีการพูดถึงข่าวกัน รวมถึงมีท่าทีเคร่งเครียด โดยเฉพาะแกนนำ เช่น นายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรค


จากนั้นในที่ประชุมนายกิตติศักดิ์ รัตนวราหะ สมาชิกวุฒิสภาได้มีการลุกขึ้นแจ้งกับประธานรัฐสภา ขนาดนั้นคือนายพรเพชร วิชิตชลชัย ว่าขณะนี้ศาลรัฐธรรมนูญได้มีการรับคำร้องของ กกต. และสั่งให้นายพิธาหยุดปฏิบัติหน้าที่ สส.แล้ว จากนั้นนายวิโรจน์ ลักขณาอดิสร สส.พรรคก้าวไกล ก็ลุกขึ้นประท้วงทันที ยกมือแล้วต้องได้ประท้วงไม่เช่นนั้นจะเกิดความเสียหายหากให้บุคคลคนนี้พูดในที่ประชุมสภา // นายกิตติศักดิ์ พูดแทรกขึ้นมาทันทีว่า ผมมีศักดิ์และสิทธิ์ที่จะพูดตามรัฐธรรมนูญอภิปรายได้ อย่าใจร้อน


จากนั้นประธานปิดไมค์ในที่ประชุมทันที นายวิโรจน์จึงลุกขึ้นประท้วงประธานในที่ประชุม ว่าไม่ยอมให้ประท้วง นายพรเพชรจึงบอกว่าคุณอย่าเพิ่งคิดจะเอาชนะผม ผมพึ่งขึ้นมาทำหน้าที่ รอหน่อยเดี๋ยวจะให้ทุกคน


จากนั้นได้เกิดเสียงโวยวายกันในที่ประชุม เป็นการถกเถียงระหว่างนายวิโรจน์กับนายกิตติศักดิ์ ประธานในที่ประชุมได้อนุญาตให้นายวิโรจน์ใช้สิทธิ์ในการประท้วง โดยนายวิโรจน์กล่าวว่า ระเบียบราชการคงต้องรอหนังสืออย่างเป็นทางการก่อน ไม่ต้องแสดงอาการกระเหี้ยนกระหือรือขนาดนั้น ทำไมอยากจะเข้าวัดที่พิจิตร มากขนาดนั้นเลยหรอ ไม่ต้องกระเหี้ยนกระหือรือเข้าวัด เพราะ ต่อให้ท่านอยากจะเข้าวัด ท่านก็เข้าไม่ได้

-------------
วานนี้ (19 ก.ค. 66) ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงบ่าย มีหนังสือจากนายวรวิทย์ กังศศิเทียม ประธานศาลรัฐธรรมนูญ ส่งถึงประธานสภาผู้แทนราษฎร เพื่อแจ้ง ให้ทราบว่าศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ผู้ถูกร้องหยุดปฎิบัติหน้าที่ สส. ชั่วคราวนับตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคม 2566 จนกว่าศาลจะมีคำวินิจฉัย


โดยเป็นไปตามคำร้องของ กกต. ที่ยื่นขอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยความเป็นสมาชิกสภาพ สส. ของนายพิธาสิ้นสุดลงตามรัฐธรรมนูญมาตรา 101 (6) ประกอบกับมาตรา 98 (3)หรือไม่

-------------
เมื่อเวลา 14.40 น. นาทีที่มีคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญให้นายพิธา หยุดปฏิบัติหน้าที่ นายพิธา ก็ขออนุญาตประธานในที่ประชุม กล่าวอำลา


โดยนายพิธา กล่าวว่า “ท่านประธานครับขออนุญาต ณ ปัจจุบันตอนนี้ครับ มีเอกสารจากศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งให้ผมหยุดปฏิบัติหน้าที่ เพราะฉะนั้นคงจะขออนุญาต พูดกับท่านประธานว่า รับทราบคำสั่งและจะปฏิบัติตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยเป็นอื่น


และขอใช้โอกาสนี้ อำลาท่านประธานจนกว่าจะพบกันใหม่ และฝากสมาชิกรัฐสภาในการดูแลพี่น้องประชาชน ผมคิดว่า ประเทศไทยเปลี่ยนแปลงไปไม่เหมือนเดิมอีกแล้วครับ ตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม แล้วถ้าเกิดประชาชนชนะมาได้แล้วครึ่งทาง เหลืออีกครึ่งทาง ถึงแม้ผมจะไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ แต่ขอฝากเพื่อนสมาชิก ช่วยกันดูแลประชาชนต่อไป ขอบคุณครับ”


ทันทีที่พูดเสร็จนายพิธา ได้ถอดบัตรประจำตัว สส. ชูขึ้นก่อนจะวางไว้บนโต๊ะในห้องประชุม ท่ามกลางเสียงปรบมืออันกึกก้อง​จากสมาชิกรัฐสภา และจากนั้น นายพิธาได้เดินเข้าไปจับมือนายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย และชูกำปั้นขวาขึ้น หันไปทาง สส.พรรคก้าวไกล ต่อด้วยการเดินไปจับมือนายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.บัญชีรายชื่อพรรคเพื่อไทย


ด้านนายแพทย์ทศพร เสรีรักษ์ สส.แพร่ พรรคเพื่อไทย ได้นำภาพเหมือนนายพิธา ซึ่งวาดด้วยตนเองถึง 2 วันมามอบให้ จากนั้นได้สวมกอดนายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทยและนายอดิศร เพียงเกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย ก่อนจะมายกมือไหว้เจ้าหน้าที่และประธานสภาบริเวณหน้าบัลลังก์


ขณะที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ได้ขอบคุณนายพิธา ที่ปฏิบัติตามคำสั่งศาลรัฐธรรมนูญ และเคารพในกติกาของสภาฯ


โดยระบุว่า "ขอบคุณคุณพิธามากครับ ขอบคุณจริงๆ ครับ ที่ให้ความเคารพต่อกติกาของสภา เมื่อมีคำวินิจฉัยมาถึงสภา ท่านก็ได้เคารพในกติกาของสภา คือ ไม่ขอปฏิบัติหน้าที่ในสภาจนกว่าคำสั่งนี้จะเปลี่ยนแปลงไป ขอบคุณมากครับ ท่านก็ได้ทำหน้าที่เป็นสมาชิก ของสภาตลอดมา ขอบคุณครับ"


ก่อนออกจากห้อง นายพิธา ได้ชูกำปั้นทั้ง 2 ข้างและหันไปทางเพื่อนสมาชิกอีกครั้ง และสมาชิกในห้องก็ปรบมือให้กับนายพิธา อีกครั้งเช่นกัน และก่อนพ้นชายคาห้องประชุม นายพิธา ได้หันมาโบกมือเป็นอำลาครั้งสุดท้าย


ทั้งนี้ พบว่าระหว่างที่นายพิธา ชูกำปั้นให้กับสมาชิกพรรคก้าวไกล สส. พรรคก้าวไกลก็ชูกำปั่นตอบกลับนายพิธา ด้วยสีหน้าเศร้า หลายคนพยายามกลั้นน้ำตา และเห็นได้อย่างชัดเจนว่านายชัยธวัช ตุลาธน เลขาธิการพรรคก้าวไกล ถึงกับหลั่งน้ำตา​ ระหว่างที่นายพิธา เดินออกจากห้องประชุม

-------------
วานนี้ (19 ก.ค. 66) ในการประชุมร่วมกันของรัฐสภา ที่มี นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ทำหน้าที่เป็นประธานการประชุม เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบบุคคลเป็นนายกรัฐมนตรี ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 272 โดย นายสุทิน คลังแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเพื่อไทย (พท.) เสนอชื่อ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ส.ส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคก้าวไกล (ก.ก.) ในฐานะแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี


ปรากฏว่าผ่านไปหลายชั่วโมง ยังไม่เข้าสู่วาระโหวตนายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ของไทย ที่ประชุมรัฐสภา ส.ส.และ ส.ว.ต่างลุกขึ้นมาคัดค้าน และแสดงความคิดเห็นจำนวนมาก และท่ามกลางความวุ่นวาย ระหว่างนั้น ศาลรัฐธรรมนูญ มีคำสั่งรับคำร้องและสั่งให้นายพิธา หยุดปฏิบัติหน้าที่ตั้งแต่วันที่ 19 กรกฎาคมไว้จนกว่าจะมีคำวินิจฉัย


ซึ่งหลายคนต่างมองว่า เหตุการณ์นี้เหมือนฉายภาพซ้ำ ชาวเน็ตต่างนำมาเปรียบเทียบ การประชุมรัฐสภา ที่เมื่อปี พ.ศ.2562 ที่ นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ขณะดำรงตำแหน่งหัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ รับคำสั่งให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส. ก่อนวันโหวตนายกฯ เทียบกับ ปี พ.ศ.2566


โดยเมื่อเทียบ คำต่อคำ ในการอำลาสภา ของนายธนาธร และนายพิธา

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ

“กราบเรียนท่านประธานที่เคารพ ผม ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พรรคอนาคตใหม่ ผมมีความตั้งใจที่จะรับทราบ และขอลาท่านประธานเท่านี้ครับ


ท่านประธานครับ ผมธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ รับทราบคำสั่งและขอหยุดปฏิบัติหน้าที่ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ตั้งแต่บัดนี้ จนกว่าจะมีคำวินิจฉัยจากศาลรัฐธรรมนูญเป็นอื่นครับ ขอบคุณครับ”(เสียงปรบมือกึกก้อง)


ต่อมา นายธนาธรกล่าวภายหลังว่า “ในเมื่อพวกเขาไม่ให้ผมเข้าสภา ผมก็จะอยู่กับประชาชน”


นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์

“มีเอกสารจากศาลรัฐธรรมนูญมีคำสั่งให้ผมหยุดปฏิบัติหน้าที่ จึงขออนุญาตพูดกับท่านประธานว่ารับทราบคำสั่ง จะปฏิบัติตามจนกว่าจะมีคำวินิจฉัยเป็นอื่น


ขอใช้โอกาสนี้ในการอำลาท่านประธานจนกว่าเราจะพบกันใหม่ ขอฝากเพื่อนๆ สมาชิกใช้รัฐสภาในการดูแลพี่น้องประชาชน


คิดว่าประเทศไทยเปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิมแล้วตั้งแต่วันที่ 14 พฤษภาคม 2566


ถ้าเกิดประชาชนชนะมาได้แล้วครึ่งทาง เหลืออีกครึ่งทาง แม้ผมจะไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ แต่ขอให้เพื่อนสมาชิกช่วยกันดูแลประชาชนต่อไปครับ”

--------------





คุณอาจสนใจ

Related News