ดรามาโรงเรียนจัดตรวจปัสสาวะชาวเน็ตถกเถียงละเมิดสิทธิเด็กหรือไม่

วันที่ 31 พฤษภาคม 2566 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เพจกลุ่ม อยากดังเดี่ยวจัดให้ Return-Official ได้โพสต์รูปภาพ กลุ่มเด็กนักเรียนโรงเรียนแห่งหนึ่งในพื้นที่ ต.ท่าโรง อ.วิเชียรบุรี จ.เพชรบูรณ์ กำลังเข้ารับการตรวจปัสสาวะ พร้อมระบุข้อความว่า “#เหรียญต่างมุมมอง พี่สื่อข่าวท้องถิ่นฝากประชาสัมพันธ์ และสอบถามความคิดเห็น การตรวจสารเสพติดยกโรงเรียน แจ้งข้าราชการตำรวจในวันพรุ่งนี้ วันอังคารที่ 30 พ.ค.66 เวลา 08.30น. พร้อมกันที่ รร.นิยมศิลป์อนุสรณ์ เพื่อดำเนินการตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด ประกอบด้วย 1.ชุด ชปส.ทุกนาย 2.ชุด ชมส.ทุกนาย 3.ชุดจราจร

โรงเรียน...จังหวัดเพชรบูรณ์ สังกัด สพม.40 บังคับนักเรียน ตรวจปัสสาวะเพื่อหาสารเสพติด 100%เป็นการละเมิดสิทธิของนักเรียนอย่างรุนแรงหรือไม่

วันที่ 30 พฤษภาคม 2566 กิจกรรมตรวจคัดกรองสุขภาพนักเรียนและกิจกรรมการป้องกันสร้างเสริมภูมิคุ้มกันสารเสพติดประจำปี 2566 ให้นักเรียนตรวจปัสสาวะหาสารเสพติด ยกโรงเรียน 1,600 คน วัตถุประสงค์เพื่ออะไร เป็นการละเมิด (ความรู้สึกทัศนคติบวกสำหรับเด็กบางคน)หรือไม่ น่าจะคัดกรองแล้วนำกลุ่มเสี่ยงไปตรวจทางลับ ไม่ควรเป็นงานใหญ่ขนาดนี้”

ซึ่งหลังจากโพสต์ดังกล่าวถูกโพสต์ออกไปได้ ปรากฏว่าได้มีชาวเน็ตเข้ามาถกเถียงกัน จำนวนมาก ทั้งเห็นด้วย และไม่เห็นด้วย จนกลายเป็นกระแสดรามาขึ้น เช่น “ดีแล้วนะที่ตรวจ ถ้าเกิดมีนร.เสพ จะได้แจ้งผู้ปกครอง ครูตำรวจจะได้ให้คำแนะนำ เพื่อเป็นแนวทาง และช่วยกันสอดส่องบุตรหลานนายท่านหลานเธอ, ดีแล้วค่ะ มีตั้งแต่นานแล้วค่ะสมัยเราเรียนก็มี, ตรวจหมดดีแล้วเดี๋ยวว่าเขาเลือกปฏิบัติอีก, กิจกรรมในการตรวจสอบหาสารเสพติด100% งงเหมืนกันว่าละเมิดสิทธิของเด็กยังไง, ก็ปล่อยให้เสพไปเลยตำรวจไม่เหนื่อยด้วย ตัวใครตัวมัน ดราม่าเก่ง

และกลุ่มที่ไม่เห็นด้วย เช่น “คนละเรื่องครับได้อ่านหมดหรืเปล่า เขาบอกว่าให้ตรวจเฉพาะเด็กกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กหลังห้อง เด็กที่โดดเรียนบ่อยๆ กลุ่มนี้คือเสี่ยงที่สุด, คือมีเด็กที่ไม่อยากตรวจเพราะมองว่าไร้สาระ ตามกฎหมายเราไม่ให้ตรวจก็ได้นะ, บุคคลนั้นไม่ยอมให้กระทำการใดๆ แล้วผู้กระทำยังทำอยู่ นั่นแหละคือการละเมิด”

ต่อมาผู้สื่อข่าวจึงได้สอบถามไปยัง พ.ต.ท.ปริญญา ภารไสว รอง.ผกก.ป. สภ.วิเชียรบุรี เปิดเผยว่า กิจกรรมในวันดังกล่าว เป็นโครงการที่ทำร่วมกัน ทั้ง ฝ่ายปกครอง เจ้าหน้าที่ตำรวจ สาธารณสุข และทางโรงเรียน ซึ่งก่อนจะมีการตรวจหาสารเสพติดในโรงเรียน นั้น ทางโรงเรียน ได้มีการแจ้งกับทางผู้ปกครองไปแล้ว ซึ่งผลการตรวจหาสารเสพติด (แอมฟีตามีน) จากนักเรียนทั้งหมด ไม่พบว่ามีการใช้สารเสพติด แต่อย่างใด อย่างไรก็ตาม ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังยืนยันว่าเป็นโครงการที่ทำร่วมกัน เพื่อป้องกันไม่มีการแพร่ระบาดของยาเสพติด ภายในโรงเรียนเพื่อให้เป็นโรงเรียนสีขาว ตามนโยบายของรัฐ