เลือกตั้งและการเมือง
'พิธา' นำทีม 8 พรรคร่วม แถลงตั้ง กก.เปลี่ยนผ่านรัฐบาล หวัง กกต.รับรอง ส.ส.โดยเร็ว เพื่อนับหนึ่ง
โดย nattachat_c
31 พ.ค. 2566
272 views
วานนี้ (30 พ.ค.66) ที่สำนักงานพรรคประชาชาติ นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หัวหน้า และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคก้าวไกล พร้อมแกนนำ 8 พรรคร่วม ประกอบด้วยพรรคเพื่อไทย พรรคประชาชาติ, พรรคไทยสร้างไทย, พรรคเพื่อไทรวมพลัง, พรรคเสรีรวมไทย, พรรคเป็นธรรม และพรรคพลังสังคมใหม่, แถลงภายหลังประชุมความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาล
โดยพิธากล่าวว่า หัวหน้าพรรคทั้ง 8 พรรคได้ร่วมกันมีมติในการจัดตั้ง 'คณะกรรมการประสานงานในช่วงเปลี่ยนผ่าน' ซึ่งจะประกอบไปด้วยบุคลากร ดังต่อไปนี้
1. นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ประธานคณะกรรมการการประสานงานในช่วงเปลี่ยนผ่าน
2. นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล ตัวแทนจากพรรคก้าวไกล
3. ดร.เผ่าภูมิ โรจนสกุล ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทย
4. พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ตัวแทนจากพรรคประชาชาติ
5. นายอนุดิษฐ์ นาครทรรพ ตัวแทนจากพรรคไทยสร้างไทย
6. นายวิรัตน์ วรศสิริน ตัวแทนจากพรรคเสรีรวมไทย
7. นายกันต์วีร์ สืบแสง ตัวแทนจากพรรคเป็นธรรม
8. นายวสวรรธน์ พวงพรศรี ตัวแทนจากพรรคเพื่อไทยรวมพลัง
9. นายเชาวฤทธิ์ ขจรพงศ์กีรติ ตัวแทนจากพรรคพลังสังคมใหม่
โดยคณะกรรมการประสานงานในช่วงเปลี่ยนผ่าน จะประชุมครั้งต่อไป ในการกำหนดวาระการประชุมในวันอังคารที่ 6 มิ.ย. 66 ที่พรรคเพื่อไทย
ทั้งนี้ ที่ประชุมหัวหน้าพรรคจัดตั้งรัฐบาล ยังตั้งคณะทำงานเพิ่มขึ้นมาทั้งหมด 7 คณะ เพื่อตอบสนองปัญหาของประชาชน ดังต่อไปนี้
คณะทำงานที่ 1 คณะทำงานด้านค่าไฟฟ้า ค่าน้ำมันดีเซล และราคาพลังงาน
คณะทำงานที่ 2 คณะทำงานด้านภัยแล้ง เอลนีโญ
คณะทำงานที่ 3 คณะทำงานด้านการแก้ปัญหาสามจังหวัดชายแดนภาคใต้
คณะทำงานที่ 4 คณะทำงานด้านการแก้ไขรัฐธรรมนูญ
คณะทำงานที่ 5 คณะทำงานด้านปัญหาสิ่งแวดล้อมและ PM2.5
คณะทำงานที่ 6 คณะทำงานด้านการแก้ปัญหาเศรษฐกิจปากท้องและ SME
คณะทำงานที่ 7 คณะทำงานด้านการแก้ปัญหายาเสพติด
นายพิธา กล่าวว่า ทุกคณะทำงานประกอบด้วยตัวแทนจากแต่ละพรรค และจะมีการประชุมอย่างต่อเนื่องเพื่อแจ้งความคืบหน้าต่อคณะกรรมการประสานงานในช่วงเปลี่ยนผ่าน เพื่อนำจะไปสู่การหาทางออกร่วมกันของทุกพรรคในการแก้ปัญหาของประเทศ เพื่อกลั่นกรองออกมาเป็นนโยบายร่วมกันในการแถลงนโยบายต่อรัฐสภา และนำไปปฏิบัติในฐานะฝ่ายบริหารและฝ่ายนิติบัญญัติต่อไป
นายพิธากล่าว ยังกล่าวว่า การทำงานของเราเป็นไปด้วยดีและเราจะสามัคคีกันเพื่อทำงานแก้ปัญหาพี่น้องประชาชนให้มากที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ โดยการจัดสรรตำแหน่งในฝ่ายบริหารจะเกิดขึ้นภายหลังจากการทำงานร่วมกันโดยยึดการทำงานเพื่อประชาชนเป็นตัวตั้ง
จากนั้น นายพิธา เปิดโอกาสให้สื่อมวลชนสอบถามซึ่งนายพิธา ได้อธิยายเพิ่มเติมว่า คณะทำงานเปลี่ยนผ่านรัฐบาลจะเป็นการหาทางออกร่วมกัน แก้ไขปัญหาของประเทศในประเด็นต่างๆ ก่อนจะกลั่นกรองออกมาเป็นนโยบายร่วมกัน เพื่อแถลงต่อรัฐสภา ให้ได้ทำงานต่อไปในฐานะฝ่ายบริหารและนิติบัญญัติต่อไป ขอยืนยันว่าตอนนี้การทำงานของเราเป็นไปได้ด้วยดี และเราจะสามัคคีกัน ร่วมทำงานแก้ไขปัญหาให้กับพี่น้องประชาชนมากที่สุดเท่าที่จะทำได้
นายพิธา ชี้แจงว่า คณะกรรมการฯ ทั้งหมด ตั้งขึ้นตาม MOU ทั้ง 23 ข้อ โดยสามารถหาวาระร่วมของทั้ง 8 พรรคการเมืองได้แล้ว สำหรับวันนี้ตั้งไปแล้ว 7 คณะจาก 23 ข้อ สัปดาห์หน้าจะประชุมกันอีก เพื่อให้ได้บุคลากรที่เชี่ยวชาญเข้ามาในคณะทำงาน ภายในเวลาก่อนที่จะสามารถเปิดประชุมสภาฯ ได้พร้อมเน้นย้ำ บุคลากรในคณะกรรมการฯ ไม่ได้จัดตั้งตามกระทรวง แต่จะตั้งตาม MOU เพื่อให้มั่นใจว่าสิ่งที่เสนอมาสามารถปฏิบัติได้จริง และยังเปิดโอกาสให้หัวหน้าของแต่ละพรรคมาถกกันให้ตกผลึกในแต่ละประเด็น
------------
นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา หัวหน้าพรรคประชาชาติกล่าวภายหลังประชุมเตรียมการจัดตั้งรัฐบาล 8 พรรคร่วม ว่า วันนี้เวลาและความหวังของประชาชนมันใกล้มาถึงแล้วเรื่อยๆ ตนจึงอยากให้ทุกฝ่ายช่วยกัน ให้เวลาและความหวังของประชาชนนั้นมาถึง เพื่อความเรียบร้อยตามเจตนารมย์ของประชาชนที่ใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้งครั้งนี้ที่ได้ชี้ไว้แล้ว ตนไม่อยากให้มีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไปยื้อในเรื่องนี้ทำให้ประชาชนผิดหวัง และไม่อยากให้ทุกคนไปดูถูกว่าประชาชนไร้ซึ่งอำนาจ
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวต่อว่า ตนอยากให้ทุกคนมองเห็นว่าทางฝั่งของประชาชนเป็นสิ่งที่มีพลัง ถ้าเราไม่สนใจในเรื่องนี้แล้วปล่อยให้เกิดพลังนั้นขึ้นมา แล้วสิ่งที่เราไม่ต้องการอาจจะมีขึ้นมาก็ได้ ตนจึงคิดว่าขอให้เวลาและความหวังของประชาชนเราทุกคนช่วยกันให้มาถึงเป็นหลักของประชาชนจริงๆ
ส่วนว่าคณะของเราจะทำงานได้มากน้อยแค่ไหนนั้น นายวันมูหะมัดนอร์ ระบุว่า มันมีเครื่องชี้วัด คือ ประชาชนนั่นเอง เราจะอยู่ไม่ได้ถ้าเราไม่ทำงานตามคำมั่นสัญญา หรือ MOU ที่เราให้ไว้กับประชาชนแล้ว แล้วตนคิดว่าพวกเราพร้อมที่จะไปเมื่อประชาชนเขาไม่ต้องการเรา เราจะไม่ยื้อทำงานจนกระทั่งมีพลังมากดดันเรา ซึ่งมองว่าไม่จำเป็น แต่ในทางการเมืองมาได้ก็ไปได้ เมื่อประชาชนต้องการและเราพร้อมที่จะไป ถ้าประชาชนไม่ต้องการและเห็นว่าเราอยู่ไปไม่เกิดประโยชน์ต่อประชาชน
นายวันมูหะมัดนอร์ กล่าวย้ำว่า ประชาชนต้องการสิ่งที่เปลี่ยนแปลง และการเปลี่ยนแปลงนั้นจะนำมาสู่ความสุขความเจริญของประชาชนในประเทศและต่างประเทศเค้าต้องการ อยากให้มีการดูถูกว่าประชาชนเมื่อเขาหวังแล้วเราผลักความหวังเขาออกไป ต้นเกรงว่าพลังของประชาชนนั้นบีบมากพอเพียงที่จะทำให้เกิดอะไรขึ้นในสิ่งที่เราเห็นว่าพลังเขามี ผมอยากให้ช่วยกันครับ และในสิ่งที่นายพิธาพูดถึง เราจะนับหนึ่งก็ต่อเมื่อ กกต. รับรอง
ซึ่งต้องขอชื่นชมว่าการเลือกตั้งวันที่ 14 พ.ค. ที่ผ่านมา กกต. จัดการเลือกตั้งได้สงบเรียบร้อยพอสมควร หน่วยเลือกตั้งมีจำนวนมาก อาจมีข้อบกพร่องบ้าง แต่ก็มีระบบของมัน จึงหวังให้กกต. รับรองผลเพื่อดำเนินการจัดตั้งรัฐบาลต่อไป เสียเวลาเพียงสัปดาห์เดียวหรือวันเดียวก็มีค่าสำหรับประชาชน
ทั้งนี้ อย่ามองว่าการจัดตั้งรัฐบาลนั้นล่าช้า ตรงนี้ตนอยากให้มองว่าอยู่ที่ กกต. ถ้า กกต.ไม่รับรอง ก็ประกาศนับหนึ่งไม่ได้ และถ้าทุกอย่างช้า อะไรต่างๆที่มีปัญหาตามมา ซึ่งตนยืนยันว่า ตนไม่ได้กดดัน กกต. แต่หากปล่อยให้การจัดตั้งรัฐบาลล่าช้า จะส่งผลต่อข้อกังวลและความเชื่อมั่น ของประชาชนต่อรัฐบาลและความเชื่อมั่นของนักลงทุน เรื่องหุ้น เรื่องการลงทุน และความเชื่อมั่นของต่างประเทศ ที่จะมีต่อบ้านเมืองของเรา ไม่ใช่ 8 พรรคนี้
นายวันมูหะมัดนอร์ ยังกล่าวว่า สิ่งที่ตนขอร้องคือว่าจะทำอย่างไรว่า อย่าให้ความหวังของประชาชนสลายไป และให้รีบดำเนินการในส่วนที่เกี่ยวข้องเพื่อให้มีรัฐบาลเร็วๆได้
------------
รับชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/SR_wFOKSmDI