สังคม

เตือนภัย! แม่หม้ายนัดเจอหนุ่มในโซเชียล ถูกมอมไม่ได้สติ ตื่นมาทรัพย์สินหายเกลี้ยง 1 แสน

โดย JitrarutP

29 มี.ค. 2566

398 views

เตือนภัย แม่หม้ายนัดเจอหนุ่มที่รู้จักทางเฟซบุ๊ก โดนหยอดคำหวาน ขอแต่งงาน และตามจีบเพียง 4 วัน พากันมาเที่ยวที่กรุงเทพฯ สุดท้ายถูกมอมเหล้าจนหลับไม่ได้สติ ตื่นมาทรัพย์สินหายเกลี้ยง มูลค่า 1 แสนบาท


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า เมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2566 เวลาประมาณ 12.30 น. กล้องวงจรปิดของโรงแรมแห่งหนึ่งในซอยรางน้ำ เขตราชเทวี กรุงเทพฯ จับภาพถ่ายผู้ก่อเหตุและหญิงสาวผู้เสียหายไว้ได้ขณะกำลังเข้าเช็กอินและเปิดห้องพัก 1 คืน โดยจากภาพกล้องวงจรปิดจะเห็นว่าฝ่ายชายเป็นคนติดต่อเรื่องห้องพักและจัดการค่าใช้จ่ายเอง จากนั้นทั้งคู่ก็ใช้ชีวิตพักผ่อนอยู่ที่โรงแรม โดยถ่ายคลิปลงติ๊กต็อก ในลักษณะสวีตหวานเหมือนคู่รักหนุ่มสาวทั่วไป แต่ปรากฏว่าเช้าวันรุ่งขึ้น 28 มี.ค. ฝ่ายชายหายตัวไปอย่างปริศนาพร้อมทรัพย์สินสร้อยแหวนเงินทองของฝ่ายหญิง รวมมูลค่ากว่า 100,000 บาท ซึ่งฝ่ายหญิงได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีไว้ที่ สน.พญาไท และส่งเรื่องราวดังกล่าวมายังรายการโหนกระแสเพื่อขอความช่วยเหลือและอยากเตือนภัยผู้หญิงอีกหลายคน


ทีมข่าวเที่ยงวันทันเหตุการณ์ เดินทางไปพบกับนางสาวนัทมล อายุ 42 ปี หญิงสาวผู้เสียหาย ซึ่งได้เปิดเผยถึงเรื่องราวที่เกิดขึ้นว่า รู้จักกับชายคนดังกล่าว ซึ่งใช้ชื่อว่า โต้ง FC พัทยา อายุประมาณ 40 ปี ผ่านทางเฟซบุ๊ก และรู้จักกันได้เพียงแค่ 4 วัน นายโต้งทักมาหา ทักมาคุยทุกวัน ถามไถ่เรื่องราวชีวิต กินข้าวหรือยัง ทำอะไรอยู่ ซึ่งฝ่ายหญิงโสด ไม่มีแฟน และฝ่ายชายก็บอกว่า ไม่มีแฟนเหมือนกัน เพราะแฟนเสียไปนานแล้ว


ฝ่ายชายก็พยายามถามว่ามีคุยหรือถูกใจใครบ้าง ฝ่ายหญิงตอบกลับไปว่าก็มีบ้าง แต่พอมาคุยสักพักก็หายไป ทีนี้ฝ่ายชายเริ่มรุกหนัก บอกว่าชอบฝ่ายหญิง แล้วก็ตัดพ้อว่าคงได้แค่แอบชอบ ฝ่ายหญิงเริ่มใจอ่อนและบอกว่าตัวเองเป็นคนจน ขอบคุณที่ชอบและรู้สึกดีด้วย แล้วถามกลับไปว่าทำไมไม่ไปชอบผู้หญิงที่สวยๆ รวยๆ


ฝ่ายชายเลยตอบไปว่า จะรวยจนก็คนเหมือนกันมันอยู่ที่ใจมากกว่า ส่วนเรื่องหน้าตาจะสวยหรือขี้เหร่ เราให้ใจเราเลือกเอง และไม่จำเป็นต้องเลือกคนที่หน้าตา ฝ่ายหญิงเลยถามว่าแล้วชอบตัวเองตรงไหน ฝ่ายชายบอกว่า ชอบที่ความขยัน ไม่ท้อแท้ชีวิต ซึ่งตรงกับนิสัยของตัวเอง


จากนั้นก็มีการเพิ่มเพื่อนในไลน์ คุยกันต่อในไลน์อีก 1-2 วัน วิดีโอคอลคุยกันนานกว่า 25 นาที และฝ่ายชายก็ส่งรูปพิธีแต่งงาน แล้วบอกว่าอยากให้ถึงแบบนี้ไวๆ จัง


นางสาวนัทมล กล่าวว่า ตอนนั้นตัวเองเริ่มใจอ่อน รู้สึกชอบนายโต้ง และอยากลองคบหาดูความสัมพันธ์ หากสามารถไปต่อกันได้ด้วยดีก็จะตัดสินใจคบหาเป็นแฟน จึงยอมตกลงนัดเจอและพากันมาเที่ยวที่กรุงเทพฯ โดยฝ่ายหญิงนั่งรถตู้มาจากเกาะช้างและนัดเจอฝ่ายชายที่สถานีขนส่งฯ เอกมัย กรุงเทพฯ ตั้งแต่วันที่ 26 มีนาคม นอนค้างด้วยกันคืนแรกที่โรงแรมแถวสุขุมวิท ฝ่ายชายเป็นคนออกค่าที่พัก


พอคืนที่ 2 คืนเกิดเหตุ ฝ่ายชายออกอุบายขอยืมเงินสดจากฝ่ายหญิง เดี๋ยวกลับไปคืนเงินให้ เนื่องจากเห็นว่าฝ่ายหญิงพกเงินสดมา 2 หมื่นกว่าบาท เป็นเงินเดือนที่นายจ้างฝ่ายหญิงเพิ่งจ่ายให้ ฝ่ายหญิงจึงยอมให้ยืม 25,000 บาท  จากนั้นคืนที่ 2 ก็พากันกินเที่ยวแถวซอยรางน้ำ เปิดไวน์กินกัน 2 ขวดต่อด้วยเบียร์อีก 3 ขวดและสปาย


นางสาวนัทมล กล่าวอีกว่า ปกติตัวเองไม่ค่อยดื่มเหล้า ทำให้วันนั้นที่นั่งกินกับฝ่ายชายรู้สึกเมามาก และพากันกลับเข้าห้องพักตอนเที่ยงคืน จากนั้นฝ่ายหญิงก็นอนหลับไม่ได้สติ จนกระทั่งตื่นมาตอนตี 5 หันซ้าย หันขวา เจอแต่ความว่างเปล่า ไม่มีทั้งฝ่ายชายรวมถึงทรัพย์สินเงินทองในกระเป๋าหายเกลี้ยง

ทรัพย์สินของนางสาวนัทมลที่โดนฝ่ายชายขโมยไป มูลค่ารวม 100,000 กว่าบาท ประกอบด้วย เงินสด 25,000 บาท สร้อยคอทองคำ 1 บาท พร้อมพระเลี่ยมทอง หนัก 1 บาท จำนวน 1 องค์ แหวนทองคำหนัก 1 สลึง จำนวน 3 วง สร้อยข้อมือหนัก 1 บาท จำนวน 1 เส้น ตอนนี้เหลือเพียงแหวนทอง 1 สลึง 3 วงที่ใส่ติดนิ้ว


นางสาวนัทมลพยายามติดต่อหาฝ่ายชายเพื่อถามว่าหายไปไหน ฝ่ายชายตอบว่า ออกมาเปิดโรงแรมอีกที่หนึ่งเพื่อรอฝ่ายหญิงไปหา พร้อมบอกว่าเดี๋ยวกลับมารับ ซึ่งฝ่ายหญิงรอตั้งแต่ 7 โมงเช้า ถึง 9 โมงเช้า ฝ่ายชายก็ยังไม่มารับ ทำให้มั่นใจว่า ถูกหลอกและถูกขโมยทรัพย์สินไป จึงเข้าแจ้งความที่ สน.พญาไท และพยายามติดต่อฝ่ายชายอีกรอบ รอบนี้อ่านไลน์แต่ไม่ตอบกลับ โทรไปก็ไม่รับสาย


นางสาวนัทมล กล่าวว่า เคยเห็นข่าวลักษณะนี้มาหลายรอบ ไม่คิดว่าจะเจอกับตัวเอง เหตุผลที่ยอมนัดเจอฝ่ายชายทั้งที่รู้จักกันเพียง 4 วัน เพราะตอนที่คุยก็รู้สึกดีกับฝ่ายชาย ที่พูดจาดี ดูเอาใจใส่ แล้วเธอเป็นแม่หม้ายลูกติดจึงอยากลองคบหาดู ทำให้ตัดสินใจไปหาตามนัด ซึ่งทรัพย์สินเงินทองที่เสียไป มีความสำคัญต่อเธอมาก เพราะต้องนำไปจ่ายค่าเทอมให้กับลูกชายวันที่ 2 เมษายนนี้และจ่ายหนี้ ธกส.ให้กับแม่ วอนขอฝ่ายชายนำเงินและทรัพย์สินทั้งหมดมาคืน เธอพร้อมยกโทษและให้อภัย


ขณะที่ผู้สื่อข่าวฯ พยายามติดต่อไปยังฝ่ายชายหลายสาย แต่ฝ่ายชายไม่ยอมรับสาย ก่อนจะปิดเครื่องไป


https://youtu.be/iuMZorRba5k

คุณอาจสนใจ

Related News