ลูกหนี้บุกสาดเลือดหมูใส่เจ้าหนี้ แค้นถูกฟ้องยึดที่ ไล่ออกจากบ้าน

ผู้ใช้เฟซบุ๊กรายหนึ่ง โพสต์คลิปการโต้เถียงกันระหว่างลูกหนี้กับเจ้าหนี้ โดยบางช่วงมีการสาดเลือดหมูที่ลูกหนี้เตรียมมาใส่เจ้าหนี้ พร้อมระบุข้อความว่า "ช่วยแชร์ให้ติ๊กหน่อยนะคะ #เรื่องขึ้นศาลชั้นต้นแล้ว ไม่มีนายทุนคนไหนรับขายฝากแล้ว ติ๊กขอซื้อคืนเขามาตลอด ที่ดินติดน้ำโขงผืนนี้ แม่ของติ๊กซื้อไว้นานมากแล้ว โดยกำลังสร้างตึกพาณิชย์ 2 ชั้น เพื่อให้แม่อยู่อาศัยในยามแก่ชรา โฉนดตอนนั้นเป็น นส.3ก ยังไม่สามารถแบ่งได้ ติ๊กมีเงินหมุนอยู่ก้อนหนึ่งในการทำธุรกิจ ติ๊กเข้าไม่ถึงแหล่งเงินทุนที่จะสามารถกู้ธนาคารสร้างบ้านได้ จึงใช้เงินหมุนธุรกิจเข้าไปสร้างบ้าน หลังจากสร้างบ้านไปได้ประมาณ 50 เปอร์เซ็นต์ ติ๊กประสบปัญหาทางธุรกิจเหมือนคนอื่นๆ ในยุคโควิด กระทบกับธุรกิจของติ๊กอย่างมาก บ้านที่สร้างไปก็ยังไม่เสร็จ ติ๊กต้องการกู้เงินมาหมุนธุรกิจและสร้างบ้านต่อให้เสร็จ แต่ไม่สามารถกู้ธนาคารได้ เพราะค้าขายเป็นเงินสดเป็นหลัก ไม่เคยเดินสเตทเมนท์ จึงกู้ยืมได้ยาก



จึงเข้าไปหานายทุนและถูกชักชวนให้ทำขายฝาก ติ๊กทำขายฝากกับเขา 3,000,000 บาท แต่ได้เงินจริงๆเพียง 2,600,000 บาท ติ๊กใช้เงินส่วนนี้จ่ายผู้รับเหมาสร้างบ้านเป็นหลัก แต่ยุคโควิดใครๆ ก็เกิดปัญหา ซึ่งติ๊กต้องรับผิดชอบ แล้วก็เกิดคดีความเกิดขึ้น เพราะตอนที่ติ๊กไปขายฝากที่ดินให้กับนายทุน คือน.ส.แก้ว เป็นที่ดินที่ยังไม่ได้แบ่งให้กับน้องสาวของแม่ เพราะเป็น นส.3ก จึงยังแบ่งไม่ได้ แต่ติ๊กก็ได้บอกกับนายทุนไว้ก่อนแล้วว่า ติ๊กเอาเข้าขายฝากแค่ส่วนของติ๊ก ซึ่งเรื่องนี้นายทุนก็ทราบดี นายทุนกับติ๊กเซ็นยินยอมแบ่งที่ดินผืนของน้องสาวของแม่ติ๊กออกให้



นายทุนใช้คำพูดว่าเขาไม่ได้อยากได้บ้าน เขาอยากได้แต่เงินทุนคืนกับดอกเบี้ย ซึ่งเขาจะได้ดอกเบี้ยก็ตอนเขาขายบ้านคืนให้ติ๊ก เขาให้เวลาติ๊กอีกหนึ่งปี โดยรับปากกับติ๊กว่าจะไม่ขายบ้านหลังนี้ให้ใครนอกจากติ๊ก ให้ติ๊กมีเวลาไปเดินสเตทเมนท์เพื่อกู้ซื้อบ้านคืนจากเขา เขาทำให้ติ๊กเชื่อใจเขา ติ๊กก็ใช้เวลาทำบัญชีรายรับรายจ่ายเดินสเตทเมนท์ ติดต่อธนาคารเพื่อขอเข้ากู้ซื้อบ้านคืนจากนายทุน แต่แล้วนายทุนกลับคำพูด ไม่ยอมสัญญาเซ็นซื้อขายบ้านคืนให้โดย หลบหนีการพูดคุย อ้างไม่มีเวลา บล็อกเบอร์ติ๊ก



น.ส.แก้ว อ้างว่าเงินทุนไม่ใช่ของเขาคนเดียว สุดท้ายก็ผลัดไปเรื่อยๆ ติ๊กพยายามอธิบายว่าพี่แก้วให้เวลาติ๊กอีก 1 ปี เดินสเตทเมนท์กู้ซื้อบ้านคืนแต่เหมือนพี่เขาจะไม่ฟังอะไรเลย พอโทรไปคุยกับน้ากุ๊กไก่ ก็บอกให้ไปคุยกับแก้ว พอคุยกับพี่แก้วก็โยนบอกให้ไปคุยกับน้ากุ๊กไก่ ที่ร่วมหุ้นส่วนกัน ติ๊กไม่รู้จะทำยังไงดี ติ๊กพยายามขอซื้อคืนตามที่พี่แก้วสัญญา ทั้งกราบวิงวอน ทั้งพาแม่ไปขอร้อง น.ส.แก้วเคยสัญญากับแม่ไว้ ไปดักรอเจอพี่แก้วที่หน้าบ้านวันละ 5 รอบ เพื่อหวังจะคุยกับพี่แก้วให้ช่วยติ๊กหน่อย ติ๊กพยายามรักษาสัญญาที่พี่แก้วให้ไว้กับติ๊ก ว่าให้เวลาหนึ่งปี แต่พี่แก้วกลับฟ้องขับไล่ติ๊กออกจากบ้าน พี่แก้วเคยรับปากเคยสัญญากับแม่ของติ๊กไว้ว่า จะไม่เอาบ้านของติ๊ก จะขายคืนให้ติ๊กเพียงคนเดียว แต่น.ส.แก้ว นายทุนเปิดเกมยื่นฟ้องขับไล่ติ๊กออกจากบ้าน เพราะบ้านหลังดังกล่าวขาดไปแล้วตามสัญญา"



ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปที่เกิดเหตุตลาดเทศบาล 2 บริเวณอาคาร 3 พบว่าร้านได้ปิดไปแล้ว พ่อค้าแม่ค้าในบริเวณนั้นให้ข้อมูลว่า เหตุการณ์เกิดขึ้นเมื่อช่วง 07.00 น. ของวันที่ 20 มี.ค. 66 มีผู้ชาย 2 คน มากับน.ส.ติ๊ก โดยผู้ชายอีกคนถ่ายคลิป ส่วนอีกคนใส่เสื้อคลุมปิดใบหน้ามิดชิด ถือถังเลือดมาวางหน้าร้านของน.ส.แก้ว ซึ่งเป็นนายทุน จากนั้นเกิดการโต้เถียงกัน น.ส.ติ๊ก ได้หยิบถังเลือดหมูที่เตรียมมาสาดใส่น.ส.แก้ว



ต่อมาผู้สื่อข่าวลงพื้นที่ไปบ้านน.ส.ติ๊ก พบว่าบ้านหลังดังกล่าวเป็นตึก 2 ชั้น มีจำนวน 3 ห้อง ริมแม่น้ำโขง หน้ากว้าง 20 เมตร โดยน.ส.ติ๊ก อายุ 38 ปี เปิดเผยทั้งน้ำตาว่า ตนเองประสบปัญหาเรื่องการเงินมาตั้งแต่ยุคโควิดระบาด จึงนำตึกที่กำลังสร้าง พร้อมที่ดินไปขายฝากกับน.ส.แก้ว ระหว่างนั้นตนเองก็พยายามเดินบัญชี สร้างสเตทเมนท์ จนสามารถกู้ธนาคารได้ แต่แล้วนายทุนกลับไม่ยอมทำตามสัญญาเซ็นซื้อขายบ้านคืนให้ โดย หลบหนีการพูดคุย ต่อมานายทุนเปิดเกมยื่นฟ้องขับไล่ให้ทางครอบครัวออกจากบ้านหลังดังกล่าว



ขณะที่ผู้สื่อข่าวเดินทางไปที่บ้านของน.ส.แก้ว เพื่อสอบถามเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว ปรากฏว่าปิดบ้านเงียบ