พยานชาวสิงคโปร์ เผย สิงโปร์ไม่มีแบบนี้ ไม่งั้นแย่แน่ - ชูวิทย์ ลั่น จะจองล้างจองผลาญคอร์รับชันต่อ

ชูวิทย์ กมลกมลวิศิษฎ์ เปิดตัวพยานชายชาวสิงคโปร์ เพื่อน ดาราสาวไต้หวัน กรณีถูกตำรวจไทยรีดไถเงิน 27,000 บาท ชายชาวสิงคโปร์ ได้เล่าเหตุการณ์ที่เกิดในวันนั้น พร้อมบอกว่า สิงคโปร์ไม่มีแบบนี้ ถ้ามีฉิบหายแน่ ด้านชูวิทย์ เผย จะจองล้างจองผลาญเรื่องคอร์รัปชันต่อไป ไม่ใช่แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว



ชายชาวสิงคโปร์ พยานเหตุการณ์ดังกล่าว เปิดใจกับสื่อมวลชน ว่า ที่สิงคโปร์ไม่มีแบบนี้ คือถ้าเขาจะจับหรือทำผิดกฎหมายเขาจะมีเหตุมีผล ถ้าทำแบบนี้ฉิบหายแน่




เมื่อชูวิทย์ ถามพยานต่อว่า ตอนที่คุณให้เงิน เขามีเอาตัวบังกล้องไหม ชายชาวสิงคโปร์บอกว่า ตอนเอาให้เขาก็ให้นับเงิน ตอนนั้นเราก็กลัว ไม่กล้าที่จะท้าทายเขาหรือไป challenge เขา เราก็ยอมเอาเงินให้ พอให้เงินก็ปล่อยตัว แล้วก็เรียกแท็กซี่ให้ด้วย จึงแวะไปส่งเพื่อนก่อน ก่อนที่จะกลับไปห้วยขวาง




ชูวิทย์ ถามพยานต่อว่า รู้สึกยังไงหลังจากจ่ายเงินไป ชายชาวสิงคโปร์ตอบว่า ผมรู้ตัวเองว่าวันนั้นผมไม่ได้เมา ทำไมต้องมาพูดแบบนี้กับเราว่าเราเมา หลังจากจ่ายเงินไป ตอนนั้นเหมือนได้เกิดใหม่ ยืนยันตนไปงานวันเกิดเพื่อนแต่ตนมาช้าเลยดื่มนิดเดียว เพื่อนบอกว่า ถ้าวันหลังเจอแบบนี้ให้บอกไปว่าไม่มีเงินสด





จากเงินที่แบ่งมาในส่วนที่ให้ตำรวจไป 27,000 บาท ตอนแรกจะซื้อของฝากก็ต้องมาจัดการใหม่หมด




วันนั้นที่เขาบอกจะพาตัวไปเพราะเรามีบุหรี่ไฟฟ้า ให้ติดคุก 2 วัน เราไม่กล้าไปจริงๆ ใครจะกล้าไป เขาไม่ให้ใช้โทรศัพท์ ไม่ให้โทรหาใคร ไม่ได้กลับไปโรงแรมเอาพาสปอร์ตมาเพื่อพิสูจน์ คือ ถ้าเกิดจะดูพาสปอร์ตจริงๆ ทำไมไม่ กลับไปโรงแรมกับเรา แต่เขาขู่มากเรื่องบุหรี่ไฟฟ้า จึงยอมจ่ายไป




ตนมาประเทศไทยหลายครั้ง ชอบดูละครไทย มีเพื่อนเป็นคนไทย พยายามที่จะเรียนภาษาไทย วันนั้นไม่คิดว่าจะต้องจ่ายจริงๆ  เพราะนึกว่าพูดภาษาไทยได้ อาจจะพอเข้าใจผม และตอนนี้ผมก็รู้แล้วว่า คำว่า “ไถ” แปลว่าอะไร ถ้าที่สิงคโปร์เจอแบบนี้คือ ฉิบหายแล้ว




ช่วงท้ายของการสัมภาษณ์พยาน ชูวิทย์ได้พูดขอโทษกับชายชาวสิงคโปร์ผู้เสียหาย และดาราสาวไต้หวัน แทนคนไทยทุกคน ทางด้านชายชาวสิงคโปร์บอกว่า ไม่ได้ติดใจอะไรแล้ว  แต่ตอนแรกคือถ้าไม่มีคุณชูวิทย์ ไม่คิดว่าจะเป็นข่าวใหญ่ขนาดนี้ ตอนนี้มีชูวิทย์แล้ว




โดยในช่วงท้าย ชูวิทย์ ได้ประกาศชัด ว่า “ผมจะจองล้างจองผลาญเรื่องคอร์รัปชันต่อไป ไม่ใช่แค่เรื่องนี้เรื่องเดียว….ตนทำเรื่องนี้ทุกวันนี้ก็เบื่อเหมือนกัน กับประเทศนี้”