สังคม
เปิดเสียงสะท้อนชาว 'บ้านท่าตาฝั่ง' กับความหวังสันติภาพ ท่ามกลางการสู้รบชายแดนไทย-เมียนมา
โดย panwilai_c
24 ธ.ค. 2565
154 views
สถานการณ์ชายแดนไทย-เมียนมา ด้านอำเภอสบเมย และอำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน กว่า 8 เดือน หลังจากมีการสู้รบอย่างหนักเมื่อช่วงต้นปีที่ผ่านมา แม้จะเปิดจุดผ่อนปรนการค้าช่องทางบ้านแม่สามแลบ จะเปิดปกติแล้ว แต่การฟื้นตัวของหมู่บ้านริมชายแดนที่ถูกปิดจากสถานการณ์ความมั่นคงและต่อเนื่องจากสถานการณ์โควิดในช่วงกว่า 2 ปีที่ผ่านมา ยังไม่ดีขึ้น โดยเฉพาะที่บ้านท่าตาฝั่ง ชาวบ้านยังคาดหวังให้เกิดสันติภาพที่ส่งผลต่อความปลอดภัยและคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น
ท่าเรือบ้านแม่สามแลบ ต.แม่สามแลบ อ.สบเมย จังหวัดแม่ฮ่องสอน กลับมามีชีวิตอีกครั้ง หลังมีการเปิดจุดผ่อนปรนการค้า ประชาชนทั้งสองฝั่งสามารถล่องเรือแม่น้ำสาละวิน หลายหมู่บ้านสามารถเดินทางได้ตามปกติ เช่น บ้านท่าตาฝั่ง ที่อยู่เหนือขึ้นไปจากบ้านแม่สามแลบ และได้รับผลกระทบอย่างหนักในช่วงสถานการณ์สู้รบที่ผ่านมา ทั้งการเข้าออกทางบก และการเข้าออกทางเรือที่เหมือนถูกปิดตาย ทั้งๆที่บ้านท่าตาฝั่ง เป็นหมู่บ้านเก่าแก่ริมน้ำสาละวิน
อาคารสถานีตำรวจภูธรบ้านท่าตาฝั่งหลังนี้ เป็นหลังที่ 2 ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2466 ปัจจุบันจึงมีอายุมากถึง 99 ปีแล้ว ย้ายจากหลังแรกที่อยู่ขึ้นไปทางเหนือของแม่น้ำสาละวิน ที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี 2444 เป็นหลักฐานที่สำคัญว่าบ้านท่าตาฝั่งมีมายาวนานกว่า 121 ปี เนื่องจากในอดีตเป็นเส้นทางสำคัญในการค้าเหมืองและค้าไม้จากฝั่งพม่า
แม้ปัจจุบัน สภ.ท่าตาฝั่งจะถูกย้ายไปตั้งที่บ้านห้วยโผ ตำบลแม่ยวม อำเภอแม่สะเรียง จังหวัดแม่ฮ่องสอน แต่อาคารนี้ยังอยู่ในความดูแลของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ และชาวบ้านท่าตาฝั่ง ก็ให้ความสำคัญมาช่วยดูแลรักษาเพราะเป็นโบราณสถานที่มีคุณค่าของชุมชน ทำให้ยังอยู่ในสภาพที่ดี ภายในมีการจัดแสดงประวัติ ยังมีร่องร่อยของห้องขัง ห้องเสมียนตรา ที่น่าทำนุบำรุงรักษาให้เป็นพิพิธภัณฑ์ และแหล่งท่องเที่ยวสำคัญของชุมชน เพราะก่อนมีสถานการณ์สู้รบ ที่นี่เป็นหมุดหมายหนึ่งของนักท่องเที่ยวที่อยากมาเชคอิน โรงพักท่าตาฝั่ง ที่ตั้งโดดเด่นอยู่ริมแม่น้ำสาละวินหลังนี้
หมู่บ้านท่าตาฝั่ง ตั้งอยู่ริมน้ำสาละวิน ตรงข้ามยังมีฐานทหารเมียนมา และในช่วงสถานการณ์สู้รบต้นปีที่ผ่านมามีเครื่องบินรบมาประชิดชายแดนทำให้ชาวบ้านท่าตาฝั่งต้องอพยพไม่ต่างจากผู้ลี้ภัยในรัฐกะเหรี่ยง และบ้านเรือนยังเสียหายจากการสู้รบ อย่างเช่นบ้านหลังนี้ มีร่องรอยกระสุนอยู่ทั่วหลัง เจ้าของบ้านต้องทิ้งบ้านให้กลายเป็นบ้านร้างมากว่า 8 เดือนแล้ว ในขณะที่เพื่อบ้านแม้หลังคายังมีรอยกระสุน และในบางคืนยังได้ยินเสียงปืน แต่ยังต้องอยู่ที่บ้าน เพราะยังดีที่ต้องอพยพอยู่ตามป่า
เช่นเดียวกับโรงเรียนบ้านท่าตาฝั่ง แม้จะต้องปิดไปช่วงสถานการณ์สู้รบ แต่โรงเรียนก็กลายเป็นจุดอพยพแรกของหมู่บ้าน และเป็นพื้นที่ปลอดภัยให้กับเด็กมากที่สุดที่หนึ่ง จากสนามเด็กเล่น ถูกเปลี่ยนให้เป็นบังเกอร์ ที่ไว้หลบภัยในยามสงคราม ที่เสี่ยงจากเครื่องบินรบมาทิ้งระเบิดในฝั่งตรงข้าม เบบี้บังเกอร์แห่งนี้เป็นความปลอดภัยของเด็ก และในยามสงบก็กลับมาเป็นสนามเด็กเล่น ที่พอจะเป็นความสุขเล็กๆของเด็กๆได้บ้าง
พื้นที่ปลอดภัยในโรงเรียนบ้านท่าตาฝั่ง จึงเป็นอีกหนึ่งความหวังของคนในหมู่บ้านท่าตาฝั่ง ที่อย่างน้อยให้ลูกหลานได้มีโอกาสเรียนหนังสือ ท่ามกลางสถานการณ์การสู้รบ ที่ยังต้องอยู่ในการดูแลของฝ่ายความมั่นคง ครูและชาวบ้านต่างช่วยกันสร้างบรรยากาศให้เกิดความหวังของสันติภาพ และคาดหวังจะให้ขยายโอากาสให้เปิดถึงชั้นมัธยมต้น เพราะไม่มีโอกาสจะไปเรียนต่อในเมือง หรือไปแล้วก็พบว่าส่วนใหญ่ต้องหลุดออจากระบบการศึกษา
นอกจากนี้โรงเรียนบ้านท่าตาฝั่งยังต้องการอินเตอร์เนตเพื่อการศึกษาของเด็กนักเรียน แต่ด้วยเงื่อนไขทางความมั่นคงทำให้ไม่มีเครือข่ายอินเตอร์เนตที่ดีพอ ชาวบ้านต้องใช้ซิมเนตที่ขายเป็นรายวัน ก็กลายเป็นอุปสรรคหนึ่งโดยเฉพาะในยามที่เกิดการสู้รบและต้องการความช่วยเหลือด้านมนุษยธรรมเร่งด่วน เช่นเดียวกับการสื่อสารเรื่องราวต่างๆ ที่สำนักข่าวชายขอบ เดอะรีพอร์ตเตอร์ และข่าว 3 มิติ ร่วมกันอบรวมเยาวชน เพื่อเป็นส่วนหนึ่งขอการส่งเสียงสันติภาพริมชายแดนสาละวิน ที่หวังแต่เพียงว่าได้ร่วมกันร้องเพลงเฉลิมฉลองเทศกาลคริสต์มาสได้เหมือนกับผู้คนทั่วโลก
แท็กที่เกี่ยวข้อง บ้านท่าตาฝั่ง ,ชายแดนไทยเมียนมา ,สถานการณ์ชายแดน ,สันติภาพ