สังคม

อนุทิน ขอบคุณพระเจ้า ยอดผู้ติดเชื้อโควิดไม่พุ่งหลังสงกรานต์

โดย nutda_t

27 เม.ย. 2565

471 views

ที่กระทรวงสาธารณสุข นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข รับมอบชุดตรวจโควิด-19 จำนวน 2 หมื่นชุด ,หน้ากากอนามัย จำนวน 2 หมื่นชุด จาก คุณโทนี่ หยาง ประธานบริษัท เอชไอพี โกบอลบอล จำกัด และประธานสมาคมผู้ประกอบการระบบรักษาความปลอดภัยของไทย

โดยหลังการรับมอบ นายอนุทิน ได้ให้สัมภาษณ์ ถึงกรณีที่ไทยเตรียมแผนปรับโควิด -19 เป็นโรคประจำถิ่น ว่า ในการปรับนั้น ต้องเป็นมาตรฐานเดียวกันทั่วประเทศ ไม่สามารถเลือกปรับเฉพาะพื้นที่ใดพื้นที่หนึ่งได้ โดยทางกรมควบคุมโรค จะได้นำเสนอแผนไปยัง ศบค. ที่กำหนดแนวทางการปฏิบัติเกณฑ์ต่างๆ ซึ่งตนมองว่าการบริหารจัดการเรื่องโควิด -19 เป็นสิ่งที่กระทรวงสาธารณสุขดำเนินการมาตลอด ที่จะเสนอปรับเปลี่ยน ผ่อนคลายมาตรการมาเรื่อยๆให้กับทาง ศบค.



จากที่เคยมีเกณฑ์ใช้ผลตรตรวจ RT-PCR ก็เปลี่ยนมาเป็นตรวจคัดกรอง ATK และต่อไปอาจไม่มีการตรวจ ATK หรือไม่มีThailand Pass  โดยแนวทางทั้งหมดก็มาจากข้อเสนอของประชาชน อย่างตอนนี้เองมีประชาชนบางกลุ่มที่เห็นด้วยขอให้ผ่อนคลายทั้งหมด ขณะที่อีกกลุ่มก็ยังขอให้ค่อยเป็นค่อยไป เราต้องหาจุดกลางที่เหมาะสมในการผ่อนคลายมาตรการ เพื่อให้ทุกคนสามารถดำเนินขีวิตได้ กิจกรรม กิจการสามารถเปิดได้



แต่สิ่งสำคัญคือ การเร่งรณรงค์ให้ประชาชนเข้ารับวัคซีน เพราะเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยลดการเสียชีวิตการป่วยหนัก โดยในตอนนี้กระทรวงสาธารณสุขมีเก็บข้อมูลที่จำเพาะมากขึ้น ในกรณีผู้เสียชีวิตต้องหาสาเหตุที่มาจากโควิด-19 จริงๆ และเมื่อดูข้อมูลก็พบว่าส่วนใหญ่ผู้เสียชีวิตจากโควิด -19 มักจะมีประวัติไม่ได้รับวัคซีนหรือวัคซีนไม่ครบเกณฑ์ จำเป็นต้องแยกข้อมูลให้ชัด เพื่อการก้าวเป็นโรคประจำถิ่น



ส่วนของจำนวนยอดผู้ติดเชื้อรายใหม่ไม่พุ่งขึ้นหลังสงกรานต์ ตามที่มีการคาดการณ์นั่น นายอนุทิน กล่าวว่าเรื่องนี้ต้องขอบคุณพระเจ้า ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ ขอบคุณประชาชนที่เข้ารีบวัคซีน และช่วยกันในการป้องกันการแพร่ระบาด ทำให้สถานการณ์ไม่รุนแรงไปอย่างที่คิด และในช่วงหลังจะเห็นว่าคนป่วยก็รักษาตัวเอง แค่ทานยาตามอาการ นี่ก็เป็นสิ่งหนึ่งที่จะเข้าเกณฑ์ของการเป็นโรคประจำถิ่น



จากกรณีที่คนขับแท็กซี่เกิดภาวะช็อกกะทันหันระหว่างเข้าไปส่งผู้โดยสารในท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ และเสียชีวิตในเวลาต่อมา เนื่องจากสมองขาดออกซิเจนนานเกินไป ก่อนจะได้รับความช่วยเหลือ โดยลูกของผู้เสียชีวิต โพสต์ข้อความลงในโซเชียลมีเดียว่ามีผู้ที่อยู่ในเหตุการณ์ได้โทรแจ้ง 1669 ทันทีที่เกิดเหตุแล้ว



แต่ได้คำตอบว่าท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ เป็นพื้นที่พิเศษที่ 1669 ไม่สามารถเข้าไปดำเนินการได้ จึงต้องประสานให้ทีมแพทย์ของ บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) หรือ ทอท. ที่มีสัญญาสัมปทานร่วมกับโรงพยาบาลเอกชนแห่งหนึ่งเป็นผู้ดำเนินการเองเท่านั้น และเมื่อนำผู้ป่วยไปส่งโรงพยาบาลอื่นแล้ว ยังพบว่าถูกเรียกค่าบริการย้อนหลังจากหน่วยแพทย์เอกชนในสนามบินอีก 13,000 บาท ทั้งที่โดยปกติแล้ว การใช้บริการ 1669 จะให้บริการฟรี



นายอนุทิน ระบุถึงกรณีรถฉุกเฉิน 1669 ไม่สามารถเข้าไปรับผู้ป่วยในสนามบินได้ เนื่องจากสนามบินมีกฎระเบียบและต้องมีการประสานงานกับสนามบิน ซึ่งผู้ที่มีสิทธิ์นำผู้ป่วยออกมาจากสนามบิน ต้องเป็นหน่วยงานภายในสนามบินเท่านั้น เพื่อนำมาส่งต่อให้กับรถฉุกเฉิน เพราะสนามบินมีขั้นตอนการเข้าออกต้องมีมาตรฐาน รวมไปถึงในเรื่องของรถฉุกเฉินด้วย ทั้งในเรื่องของการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของรถฉุกเฉิน รวมถึงสภาพรถต้องมีความพร้อม



ส่วนผู้ที่ขับรถเข้าไปในลานบินจะต้องมีใบขับขี่เฉพาะนั้น ยืนยันว่า รถฉุกเฉิน 1669 ไม่สามารถเข้าสนามบินได้ เนื่องจากสนามบินมีรถพยาบาลส่งต่อผู้ป่วยออกมาภายนอก



ส่วนกรณีที่ผู้ป่วยออกมาจากสนามบินไม่เข้าสู่ระบบยูเซปได้นั้น นายอนุทิน ระบุว่า จะต้องไปดูว่าผู้ป่วยรายนั้นป่วยด้วยโรคอะไร เช่น หากผู้ป่วยเป็นโรคโควิด-19 มีอาการหนัก ก็จะสามารถเข้าสู่ระบบแบบยูเซปได้

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ