รวบชายคลั่งทำร้ายลุงเขยเจ็บ เผาบ้านวอดทั้งหลัง คาดฉุนป้าตายไม่ได้เงินประกัน

ตำรวจ รวบชายคลั่ง ทำร้ายร่างกายลุงเขยเจ็บจนต้องส่งรพ. เผาบ้านไฟไหม้วอดทั้งหลัง คาดฉุน ปมป้าตายแต่ไม่ได้เงินประกัน



จากกรณีเมื่อวันที่ 1 เม.ย. ที่ผ่านมา ร้อยเวรสอบสวน สภ.เสลภูมิ ได้รับแจ้งว่ามีเหตุเพลิงไหม้บ้านเรือนประชาชน ที่ บ้านโคกคำเจริญ ตำบลขวัญเมือง อำเภอเสลภูมิ จังหวัดร้อยเอ็ด จึงรุดออกตรวจสอบพร้อมรถดับเพลิง ทต.เสลภูมิ กู้ภัยศิลานคร ถึงจุดเกิดเหตุพบเพลิงกำลังลุกไหม้บ้านชั้นเดียว ภายในบ้านไม่พบผู้พักอาศัย เจ้าหน้าที่ดับเพลิงจึงระดมฉีดน้ำเพื่อควบคุมเพลิง ใช้เวลาประมาณ 40 นาที จึงสามารถควบคุมเพลิงเอาไว้ได้ ตรวจสอบพบบ้านถูกไฟไหม้พังเสียหายเกือบทั้งหลัง



ก่อนที่วานนี้ (2 เม.ย.) ผู้สื่อข่าวได้เดินทางไปพบหญิง อายุ 32 ปี ลูกสาวผู้บาดเจ็บ ที่พักอาศัยอยู่บ้านญาติ เล่าว่า ก่อนหน้านี้ แม่ของผู้ก่อเหตุซึ่งเป็นน้าของตน ได้ทำประกันใว้ 2 กรมธรรธม์ กรมธรรม์แรกผู้รับผลประโยชน์เป็นชื่อพี่ชายผู้ก่อเหตุ ส่วนอีกกรมธรรม์เป็นของพี่สาว ในช่วงเดือนธันวาคมแม่ของผู้ก่อเหตุได้ป่วยหนัก พี่สาวจึงได้นำไปรักษาที่ จ.กาฬสินธุ์ แม่ผู้ก่อเหตุไม่มีเงินส่งประกัน จึงให้ตนเป็นคนส่งประกันแทนและได้เปลี่ยนชื่อรับผลระโยชน์จากพี่ชายผู้ก่อเหตุเป็นชื่อของตน แต่ผู้ก่อเหตุเข้าใจผิดมาตลอดว่ามีชื่อรับผลประโยชน์ คาดว่าน้าของตนคงรู้ว่า ลูกชายเป็นคนมีอารมณ์ร้าย ติดยาเสพติด แม่ผู้ก่อเหตุจึงไม่ให้บอกลูกชายว่าไม่ได้รับผลประโยชน์จากทั้ง 2 กรมธรรม์



ก่อนที่เมื่อวันที่ 27 มีนาคม 2565 แม่ผู้ก่อเหตุได้เสียชีวิตลง พี่สาวผู้ก่อเหตุจึงได้โทรมาแจ้งเรื่องให้ไปติดต่อเคลมประกันที่ตนจะได้รับ หลังจากนั้นผู้ก่อเหตุจึงได้ถือมีดแล้วบุกเข้ามาที่หน้าบ้าน ซึ่งตนเกรงจะเกิดอันตรายจึงได้ล็อคบ้านเอาไว้ ผู้ก่อเหตุยืนยันว่าจะขอเงิน 50,000 บาท พร้อมข่มขู่ว่าจะเผาบ้านหรือฆ่ายกครัว

ต่อมาช่วงเช้าวันที่ 29 มี.ค. ผู้ก่อเหตุได้บุกเข้ามาทำร้ายพ่อจนได้รับบาดเจ็บ โดยต่อยและเตะจนสลบคาบ้าน ตนก็พาไปรักษาพยาบาลและเก็บของออกจากบ้านไป และได้เข้าไปแจ้งความไว้ที่ สภ.เสลภูมิ แต่ก็ยังจับผู้ก่อเหตุไม่ได้ ก่อนที่จะได้รับแจ้งจากเพื่อนบ้านว่าบ้านถูกเพลิงไหม้วอดทั้งหลัง ซึ่งคาดว่าผู้ก่อเหตุน่าจะโกรธแค้นจนเผาบ้านของตนเพราะไม่ได้เงินประกัน



ล่าสุดเมื่อเวลา 16.00 น. วันที่ 2 เม.ย.65 ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เสลภูมิ ได้ติดตามจับกุมตัว นายอนนท์ พรหมพิบูลย์ (เบ้) อายุ 42 ปี ได้ในพื้นที่จังหวัดยโสธร ก่อนนำตัวส่งพนักงานสอบสวน แจ้งข้อหา “บุกรุกเคหะสถาน โดยใช้กำลังประทุษร้าย จนเป็นเหตุให้เกิดอันตรายแก่กายหรือจิตใจ” ผู้ต้องหาให้การรับสารภาพตลอดข้อกล่าว ส่วนกรณีที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นผู้ลอบวางเพลิงนั้น อยู่ระหว่างรอผลตรวจที่เกิดเหตุจากตำรวจพิสูจน์หลักฐาน หากพบว่ามีความผิด ก็จะมีการแจ้งข้อหาเพิ่มเติมภายหลัง



นายอนนท์ เล่าว่า ก่อนหน้านี้พี่สาวได้พาแม่ไปเลี้ยงดูหลังจากมีอาการป่วย ที่ จ.กาฬสินธุ์ แต่เมื่อวันที่ 27 มี.ค. 2565 ตนทราบเรื่องจากที่ได้ยินชาย 73 ปี (ผู้บาดเจ็บมีศักดิ์เป็นลุงเขย) ได้บอกกับพี่สาวของตนทางโทรศัพท์ว่าให้รีบเผาแม่ของตน ตนได้ยินก็รู้สึกโกรธว่า ทำไมแม่ของตนตายไม่มีใครบอก แล้วกลับจะเผาแม่ของตน โดยที่ไม่อยากให้ตนรับรู้ หลังจากนั้นตนจึงได้เดินเข้าไปถามลุงเขยว่า ทำไมไม่อยากบอกตนว่าแม่ของตนตาย แต่ลุงเขยมีท่าทียึกยักเหมือนจะทำร้ายตน จึงได้ทำการป้องกันตัว ได้ชกเข้าที่ใบหน้าของลุงเขย



หลังจากนั้นตนก็หลบหนีเข้าไปอยู่ในป่าท้ายหมู่บ้าน ส่วนเรื่องเงินประกันตนทราบมาว่าพี่สาวของตนจะได้เงินประกันของแม่ประมาณ 200,000 บาท โดยจะแบ่งให้ตน 5,000 กับรถจักรยานยนต์มือสอง 1 คัน ซึ่งตนก็ไม่ได้สนใจว่าจะได้เงินเท่าไหร่ แต่ติดใจที่หลานสาว (ลูกเลี้ยงของลุงเขย) ทำไมต้องได้รับเงินประกัน 70,000 บาทไปด้วย ตนพยายามจะสอบถามแต่กลับไม่ได้คำตอบ จึงโกรธให้ครอบครัวนี้อย่างมาก ส่วนที่บ้านของลุงเขยเกิดเหตุเพลิงไหม้ ตนก็ไม่รู้เรื่องเพราะตนหลบหนีเข้าไปอยู่ในป่า