สังคม

ผ่าขบวนการล่าเสือ ค้าซาก-อวัยวะ ในตลาดมืด ให้ราคาสูง เชื่อเป็นยาบำรุง-เสริมอำนาจ

โดย panwilai_c

14 ม.ค. 2565

206 views

คดีลักลอบล่าเสือโคร่งในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ จังหวัดกาญจนบุรี หลังจากที่เมื่อวานนี้ นายพราน 4 จากเข้ามอบตัวแล้ว ส่วนอีกคน 1 คน ที่หลบหนี ล่าสุดเจ้าหน้าที่จับตัวในเมื่อคืนที่ผ่านมา โดยอ้างว่าแค่เข้าไปนอนค้างคืนไม่ได้ร่วมยิงเสือโคร่ง วันนี้ตำรวจได้นำตัวผู้ต้องหาทั้งหมดไปชี้จุดเกิดเหตุพร้อมเก็บพยานหลักฐานเพิ่มเติม



ตำรวจสภ.ทองผาภูมิ พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานภูธรจังหวัดกาญจนบุรี และเจ้าหน้าที่อุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ นำตัวนายพรานที่ลักลอบล่าและชำแหละเสือโคร่งภายในเขตอุทยานแห่งชาติทองผาภูมิ ทั้ง 5 คน ไปชี้จุดก่อเหตุ รวมถึงตรวจสถานที่เกิดเหตุและเก็บพยานหลักฐานต่างๆและ DNA ไว้ประกอบสำนวนคดีเอาผิดกับกลุ่มผู้ก่อเหตุ



โดยกรมอุทยานแห่งชาติสัตว์ป่าและพันธุ์พืช ได้เข้าแจ้งความดำเนินคดีเพิ่มเติมกับพรานป่าทั้งหมด ในความผิดตาม พ.ร.บ.อุทยานแห่งชาติ 2562 มาตรา 21 ฐานนำหรือปล่อยวัวเข้าไปในอุทยานแห่งชาติโดยไม่ได้รับอนุญาต ซึ่งอาจก่อให้เกิดผลกระทบต่อระบบนิเวศในเขตอุทยานแห่งชาติอย่างรุนแรง ซึ่งโทษทั้งจำทั้งปรับ และตำรวจได้ตั้งข้อหากับนายพรานทั้ง 5 คน รวม 10 ข้อหา



ขณะที่พลตำรวจเอกรอย อิงคไพโรจน์ รองผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ ได้สั่งให้ตำรวจชุดสืบสวนคลี่คลายคดี สืบขยายผลต่อไปว่า พรานป่ากลุ่มนี้ จะมีส่วนเกี่ยวข้องกับขบวนการล่าสัตว์ป่าส่งขายให้กับนายทุนหรือไม่ เนื่องจากเสือโคร่ง ถือเป็นสัตว์ป่าใกล้สูญพันธุ์ในบัญชีที่ 1 ของอนุสัญญาไซเตส และไม่ปักใจ ว่า สาเหตุมาจากไม่พอใจที่เสือกัดกินวัวที่พวกตนเลี้ยงเอาไว้ พร้อมทั้งให้ตรวจกระสุนปืนในซากเสือว่า ยิงจากปืนของทางราชการ หรือไม่ หากพบว่าเสือโคร่งทั้ง 2 ตัวถูกยิงด้วยกระสุนปืนจากปืนลูกซองของทางราชการ ก็จะต้องขยายผลไปถึงผู้มีส่วนเกี่ยวข้องต่อไป



แม้ผู้ต้องหาจะอ้างเหตุผลที่ฆ่าเสือโคร่ง เพราะต้องการปกป้องวัวที่เลี้ยงไว้ แต่เมื่อดูจากหลักฐานและพฤติการณ์ในที่เกิดเหตุ หลายฝ่ายเชื่อว่านี่ไม่ใช่แค่การล่าสัตว์ป่าเพื่อการดำรงชีพ หรือเพื่อป้องกันตัวแบบชาวป่าทั่วไป แต่อาจเป็นล่าเพื่อหวังผลจากอวัยวะของเสือโคร่ง ซึ่งน่าจะเกี่ยวข้องเชื่อมโยงกับขบวนการค้าอวัยวะเสือ ที่เคลื่อนไหวอยู่ในพื้นที่รอยต่อชายแดนไทยกับประเทศเมียนมา ผู้สื่อข่าว 3 มิติ ได้ไปคุยเรื่องนี้กับมือปราบคดีค้าสัตว์ป่า มีข้อมูลเบื้องลึกที่น่าสนใจเกี่ยวกับเรื่องนี้



ซากเสือโคร่ง ร่องรอยชำแหละ รวมทั้งบาดแผลจากหัวกระสุน เป็นหนึ่งในแฟ้มหลักฐานที่ตำรวจ กองบังคับการปราบปรามการกระทำความผิดเกี่ยวกับทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม หรือ บก.ปทส. จับกุมและตรวจยึดได้ ที่ผ่านมามีหลายคดีที่อยู่ในความสนใจของประชาชน



นอกจากคดีล่าเสือดำของกลุ่มนายเปรมชัย การจับกุมนายยูซุป แซ่ม้า พรานเฒ่าวัย 70 ปี ที่ถูกซัดทอดเป็นหนึ่งในตัวการสำคัญในขบวนการค้าเสือโคร่งจากป่าห้วยขาแข้ง เป็นอีกหนึ่งคดีที่สร้างแรงสั่นสะเทือนวงการนักอนุรักษ์ เมื่อเสือโคร่งตัวใหญ่ ถูกล่า-ชำแหละหนัง แยกชิ้นอวัยวะ-ยัดใส่กล่อง เตรียมส่งไปต่างประเทศ แต่ระหว่างผ่านด่านคนขับมีพิรุธ ถูกจับพร้อมของกลาง



พันตำรวจเอก ศานุวงษ์ คงคาอินทร์ หนึ่งในมือปราบคดีค้าสัตว์ป่า บอกว่า ขบวนการล่าและชำแหละซากอวัยวะเสือโคร่งมีหลายเครือข่าย แต่มีรูปแบบคล้ายกัน กระจายอยู่ตามภูมิภาคต่าง ๆ ส่วนใหญ่ จะหลบซ่อนหรือพรางตัวในพื้นที่ป่าทางภาคเหนือ และผืนป่าฝั่งตะวันตก ซึ่งมีเส้นทางเข้าออกติดกับประเทศเพื่อนบ้าน



การล่าหลัก ๆ มี 2 รูปแบบ 1. ล่าเพราะอาจจวนตัว เผชิญหน้ากับเสือโคร่ง และ2. ล่าตามใบสั่ง ทั้ง 2 แบบเหมือนกัน คือเมื่อได้ซากเสือจะคว้านเครื่องใน ถลกหนัง ชำแหละแยกชิ้นส่วน ปลายทางคือประเทศที่สาม



ข่าว 3 มิติ พบว่าซากเสือมีมูลค่าสูงมาก หากเทียบกับสัตว์ป่าชนิดอื่น อวัยวะทุกส่วนขายได้และมีมูลค่าแตกต่างกัน ขึ้นกับสภาพความสมบูรณ์ เช่น เขี้ยว หัวหรือส่วนหนัง ถูกเอาไปใช้เป็นของประดับของเศรษฐี เจ้าสัว หรือผู้มีอำนาจ



การสืบสวนของตำรวจพบว่า ในกลุ่มลับของบางประเทศ เสือถูกยกให้เป็นเมนูชั้นสูง

ของกลุ่มเปิบพิศดาร บางส่วนยกให้เป็นหนึ่งในวัตถุดิบที่ใช้เป็นส่วนผสมของยาจีน โดยเฉพาะกระดูกเสือ ด้วยความเชื่อที่ว่ากันว่า เป็นยาบำรุง เสริมสร้างบารมี และเพิ่มสมรรถภาพ



ข่าว 3 มิติ เข้าไปสำรวจการค้าย่านเยาวราช คนไทยเชื้อสายจีนส่วนหนึ่ง ยอมรับว่า ความเชื่อเรื่องการบริโภคเสือ โดยเฉพาะกระดูก ถูกเล่าขานส่งต่อกันมารุ่นสู่รุ่น แต่ปัจจุบันหาได้ยาก ไม่เป็นที่ยอมรับในสังคม มีเพียงส่วนน้อยและมักจะประกาศหรือวางขายกันในตลาดมืด



ข้อมูลนี้ สอดคล้องกับข้อมูลการสืบสวนของตำรวจ ที่พบว่าขบวนการล่าเสือยังเคลื่อนไหวอย่างลับ ๆ โดยอาศัยพรานป่ารุ่นเก่า สอนงานให้พรานหนุ่ม โดยมีขบวนการนายหน้าและนายทุนใหญ่อยู่เบื้องหลัง


ข่าว 3 มิติ ตรวจสอบข้อมูลเเละสรรพคุณทางยา พบว่าการบริโภคเสือ โดยเฉพาะกระดูกเสือ ยังไม่มีการศึกษาหรือมีงานวิจัยใดรองรับ หลายฝ่ายออกมาเตือน ผู้ที่นิยมเปิบพิสดาร อาจเจอผู้ค้าหลอกเอากระดูกสัตว์ชนิดอื่น ๆ ที่คล้ายกัน เช่น สุนัข มาหลอกขายเเละอ้างว่าเป็นกระดูกเสือด้วย

คุณอาจสนใจ

Related News