สังคม

เศรษฐีพิษณุโลก ร้องเงินในบัญชีหายกว่า 50 ล้าน พบพิรุธลูกเขย เป็นอดีต ผจก.ธนาคาร

โดย thichaphat_d

13 ต.ค. 2564

36 views

เฮียฝา เศรษฐีระดับร้อยล้าน ตลาดหนองตม พร้อมลูกชายโร่ร้องศูนย์ดำรงธรรมพิษณุโลก หลังเงินในบัญชีธนาคารหายกว่า 50 ล้านบาท เจ้าตัวเชื่อเป็นเครือญาติใกล้ชิด


นายประเสริฐ แก้วผกาผ่องศรี หรือเฮียฝา อายุ 77 ปี พร้อมด้วย นายสมยศ พงศ์กิตติไพสิฐ อายุ 52 ปี บุตรชาย ได้เดินทางร้องทุกข์กับศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพิษณุโลก และสื่อมวลชน กรณีเงินฝากในบัญชีธนาคารจำนวน 9 บัญชี สูญหายไปจำนวนกว่า 50 ล้านบาท ซึ่งผู้เสียหายได้ไปขอสเตทเมนท์แบบละเอียด ตั้งแต่วันที่ 10 ม.ค. 62 จนถึง วันที่ 25 ส.ค. 64 ที่ผ่านมา จากธนาคารแห่งหนึ่งของ จ.พิษณุโลก กลับถูกบ่ายเบี่ยง


จึงต้องไปร้องเรียนที่ธนาคารแห่งประเทศไทย เมื่อวันที่ 15 ก.ค. 64 และทางธนาคารแห่งประเทศไทยได้แจ้งธนาคารสำนักงานใหญ่ที่ฝากเงินบัญชีพิจารณาติดตามและตรวจสอบบัญชีเงินฝากตามหนังสือร้องเรียนดังกล่าว กระทั่งธนาคารแห่งหนึ่งของ จ.พิษณุโลก ให้สเตทเมนท์มาเพียง 3 บัญชี เหลืออีก 6 บัญชี ที่ยังไม่ได้ให้มา


จากการตรวจสอบดูอย่างละเอียดพบว่าเงินในบัญชีถูกอดีตผู้จัดการธนาคาร ซึ่งเป็นลูกเขยของนายประเสริฐ ถอนโดยการโอนแบบไม่มีสมุดบัญชีไปประมาณ 50 ล้านบาท ซึ่งโอนไปเข้าบัญชีภรรยาของอดีตผู้จัดการธนาคาร และเป็นลูกเลี้ยงของนายประเสริฐ


ที่ผ่านมาได้ติดตามสอบถามเรื่องสเตทเมนท์ของบัญชีทั้งหมด กลับถูกธนาคารบ่ายเบี่ยง กลัวไม่ได้รับความเป็นธรรมจึงพากันเดินทางมาร้องขอความเป็นธรรมจากศูนย์ดำรงธรรมจังหวัดพิษณุโลกในวันนี้ และหลังจากนี้จะได้เดินทางไปแจ้งความที่กองปราบปรามเพื่อให้ดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมดด้วย


นายประเสริฐ แก้วผกาผ่องศรี หรือเฮียฝา เปิดเผยว่า ตนเองเริ่มต้นชีวิตจากเสื่อผืนหมอนใบ ทำธุรกิจหลายอย่าง อาทิ ค้าขายข้าวเปลือกอยู่ในตลาดหนองตม และปล่อยเงินกู้ รับฝากจำนองโฉนดที่ดินจนมีทรัพย์สินมากกว่า 100 ล้านบาท


และได้แต่งงานกับภรรยา คือ นางกิมเต็ง บุญนวล อายุ 74 ปี แต่เสียชีวิตไปแล้วกว่า 10 ปี และมีลูกแท้ๆ ด้วยกัน 2 คน เป็นบุตรชายทั้งคู่ ส่วนภรรยาก็มีลูกติดมาด้วยจำนวน 3 คน แต่เสียชีวิตไปแล้ว 1 คน ซึ่งหนึ่งในนั้นเป็นภรรยาของอดีตผู้จัดการธนาคารแห่งหนึ่ง แต่เกษียณอายุไปแล้วประมาณ 2 ปี


กระทั่งภรรยาเสียชีวิตไปเมื่อปี พ.ศ. 2554 จึงตกลงแบ่งทรัพย์สินกันเมื่อปี พ.ศ. 2560 จำนวน 5 คน ประกอบด้วย ลูกแท้ๆ 2 คน และลูกเลี้ยงอีก 2 คน รวมตนเองอีก 1 คน รวมทั้งหมด 5 คน แบ่งเงินในบัญชีคนละประมาณ 20 ล้านบาท ยังไม่รวมทรัพย์สินอื่นๆ


กระทั่งต่อมาลูกชายคนโต คือ นายสมยศ พงศ์กิตติไพสิฐ ได้สังเกตเห็นความผิดปกติบางอย่างจึงมาบอกกับตนให้ตรวจสอบเงินทั้งหมดในบัญชีธนาคารที่มีอยู่ ปรากฏว่าเงินบัญชีธนาคารกลับถูกถอนโดยไม่มีสมุดบัญชีและมีการทำตั๋วแลกเงินไม่สั่งจ่ายเป็นเช็คหลายครั้ง รวมยอดเงินทั้งหมดประมาณ 50 ล้านบาท จึงรู้สึกไม่สบายใจที่มีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้นและพยายามหาหลักฐานสำคัญต่างๆ เพื่อดำเนินคดีให้ถึงที่สุด


ด้าน นายสมยศ พงศ์กิตติไพสิฐ บุตรชาย กล่าวว่า เมื่อก่อนพ่อจะอยู่ในความดูแลของลูกเลี้ยงทั้ง 3 คน ส่วนตนก็จะทำธุรกิจร้านแอร์อยู่ในตัวเมืองพิษณุโลก นานๆ ครั้งจะกลับไปเยี่ยมพ่อกับแม่ที่ตลาดหนองตม อ.พรหมพิราม กระทั่งแม่เสียชีวิตจึงมีการแบ่งมรดกทรัพย์สินต่างๆ ให้เท่าๆ กัน


พอแบ่งมรดกเสร็จเรียบร้อยแล้วลูกเลี้ยงกลับไม่เอาใจใส่ดูแลพ่อเหมือนแต่ก่อน จนสุดท้ายมารู้เรื่องว่าเงินในบัญชีของพ่อถูกถอนไปอย่างน่าสงสัยมากกว่า 50 ล้านบาท แต่ตนหาหลักฐานสเตทเมนท์มาได้เพียง 3 บัญชีเท่านั้น อีก 6 บัญชี ธนาคารกลับปฏิเสธไม่ยอมให้ ตนจึงได้ทำเรื่องร้องไปยังผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย


ล่าสุดมีหนังสือตอบกลับมาเรียบร้อยแล้ว วันนี้ตนจึงต้องการกู้ศักดิ์ศรีของพ่อกลับคืนมาเพราะที่ผ่านมาพ่อทำมาหากินเลี้ยงดูทุกคนมาเป็นอย่างดี กลับมาทำผู้มีพระคุณเช่นนี้


รับชมผ่านยูทูบได้ที่ : https://youtu.be/eiuxC2TQRbA

คุณอาจสนใจ

Related News