สังคม-อาชญากรรม

วอนขอเบาะแส รถบรรทุกทับร่างแม่ลูกอ่อนดับคาที่ ก่อนขับหนี ลูกสาววัย 10 เดือนรอดหวุดหวิด

โดย

25 ธ.ค. 2562

906 views

ผู้ใช้เฟซบุ๊ก Atiwat Suksombut โพสต์เรื่องราวลงเฟซบุ๊ก หลังขี่รถจยย.กลับบ้านพร้อมภรรยาและลูกสาววัย 10 เดือนและ 6 ขวบ ระหว่างทางเจอรถแท็กซี่คันหนึ่งเบรกกระทันหันเพื่อกลับรถ โดยไม่เปิดไฟเลี้ยว จึงชนท้ายอย่างจัง

ทำให้ภรรยาและลูกสาววัย 10 เดือนกระเด็นตกรถ ถูกรถบรรทุกเหยียบภรรยาเสียชีวิตคาที่ ส่วนลูกสาวรอดตายหวุดหวิด พร้อมวอนประชาชนผู้ที่เห็นเหตุการณ์หรือมีกล้องหน้ารถจับภาพเหตุการณ์ไว้ได้ ช่วยติดต่อนำกล้องหน้ารถมาเป็นหลักฐานในการเอาผิดกับคนขับรถบรรทุก เหตุเกิดบริเวณหน้าโรงเรียนสารสาสน์มีนบุรี เมื่อวันที่ 23 ธ.ค. เวลาประมาณ 15.00 น.

โดยนายอธิวัฒน์ สุขสมบัติ อายุ 25 ปี เจ้าของโพสต์ เล่าว่า วันเกิดเหตุตนและภรรยาขี่รถจยย. ไปรับลูก สาวคนโตวัย 6 ขวบที่โรงเรียน โดยลูกสาวคนโตนั่งหน้าตนเป็นคนขับ และภรรยาได้อุ้มลูกสาวคนเล็ก วัย 10 เดือนซ้อนท้าย

ระหว่างทาง ออกจากไปรษณีย์มีนบุรี มุ่งหน้าถนนสุวินทวงค์-ฉะเชิงเทรา ได้ขี่เลนกลางตามท้ายรถบรรทุก จังหวะขี่ออกเลนขวาเพื่อแซง เจอรถแท็กซี่ที่ขับอยู่เลนขวา เบรกกระทันหันเพื่อกลับรถ โดยไม่เปิดไฟเลี้ยว ตนจึงหักหลบออกเลนกลางแต่ไม่พ้น ชนท้ายรถแท็กซี่อย่างจัง จนภรรยาและลูกสาวคนเล็กที่อุ้มอยู่กระเด็นตกรถ ทำให้รถบรรทุกที่ตนเพิ่งแซงมาเหยียบร่างภรรยาจนเสียชีวิตคาที่ แล้วขับหนีไป ส่วนลูกสาวคนเล็กรอดตายหวุดหวิด แต่ก็ได้รับบาดเจ็บที่ศีรษะ จนต้องเข้ารับการเอ็กซเรย์สมอง 

ส่วนรถแท็กซี่คันดังกล่าวก็ขับหนีไป แต่พลเมืองดีรายหนึ่งขี่รถบิ๊กไบค์ตามสกัดจนพาตัวกลับมายังจุดเกิดเหตุได้ ตนรู้สึกเสียใจมาก ที่ต้องเสียภรรยาไป ลูกคนเล็กก็ยังไม่หย่านมแม่ อีกทั้งตนก็เพิ่งได้งานใหม่ ต้องเลี้ยงดูลูกสาวถึง 2 คน จึงอยากให้คนขับรถบรรทุกและคนขับรถแท็กซี่ออกมารับผิดชอบค่าเสียหายกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

ด้านนายณรงค์ ลักษณะวิฑูร อายุ 56 ปี  รปภ. หมู่บ้านแห่งหนึ่งใกล้จุดเกิดเหตุ ระบุว่า หลังเกิดเหตุ ตนได้เดินไปดูเหตุการณ์พบร่างผู้ตายนอนอยู่ตรงเลนกลาง เลือดไหลนองพื้น ส่วนเด็กเล็กเห็นพ่ออุ้มอยู่ แต่ไม่พบรถบรรทุกหรือแท็กซี่อยู่ในจุดเกิดเหตุ ซึ่งตรงจุดนี้เคยเกิดอุบัติเหตุจนมีผู้เสียชีวิตบ่อยครั้ง

ด้านตำรวจสน.มีนบุรี ระบุว่า จากการตรวจสอบกล้องวงจรปิดรอบจุดเกิดเหตุไม่สามารถจับภาพเหตุการณ์ไว้ได้ เนื่องจากจุดเกิดเหตุอยู่ในมุมอับ จึงยังไม่ทราบเหตุการณ์ที่แน่ชัด หลังเกิดเหตุที่พลเมืองดีตามสกัดรถแท็กซี่กลับมายังจุดเกิดเหตุได้ ด้านสามีของผู้ตายได้เข้าไปทำร้ายร่างกายคนขับแท็กซี่จนได้รับบาดเจ็บตาปูด ใบหน้าเขียวช้ำ คนขับแท็กซี่ให้การว่าไม่ได้เบรกกะทันหันโดยไม่เปิดไฟเลี้ยวอย่างที่สามีผู้ตายอ้างเบื้องต้นตำรวจแจ้งข้อหา หลบหนีไม่หยุดให้การช่วยเหลือ ส่วนคนขับรถบรรทุกก็จะถูกแจ้งข้อหาเดียวกัน แต่ยังไม่ทราบตัวคนขับ

สำหรับสามีผู้ตาย เบื้องต้นจะถูกแจ้งข้อหา ทำร้ายร่างกายผู้อื่น และอาจจะถูกแจ้งข้อหา ประมาทเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย เพราะจากการสอบปากคำและตรวจสอบจุดเกิดเหตุ พบว่าสามีผู้ตายแซงรถบรรทุกขณะอยู่ในเส้นทืบ ซึ่งจะต้องสืบสวนหาข้อเท็จจริงอีกครั้ง ก่อนดำเนินคดีตามกฎหมายกับผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหมด

ทั้งนี้ หลังสามีผู้ตายโพสต์เฟซบุ๊ก มีบุคคลรายหนึ่งติดต่อมา อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่กู้ภัย เข้าไปช่วยเหลือขณะเกิดเหตุ และกล้องหน้ารถสามารถบันทึกภาพเหตุการณ์ไว้ได้  แต่แจ้งว่าขณะนี้ได้เดินทางกลับบ้านที่จังหวัดกระบี่ อีกทั้งถ่ายโอนข้อมูลออกจากกล้องไม่เป็น จึงจะส่งกล้องมาให้ทางไปรษณีย์ แต่ต้องโอนเงินมัดจำกล้องไปให้ก่อน 1,000 บาท ซึ่งสามีผู้ตายก็โอนให้ เพราะคิดว่าเป็นความหวังสุดท้าย

แต่แล้วก็ขาดการติดต่อไป ซึ่งผู้สื่อข่าวก็ได้พยายามช่วยติดต่อไปอีกทางหนึ่ง ชายคนดังกล่าวก็ได้อ้างกับผู้สื่อข่าวว่า  ยังมีไฟล์เก็บอยู่ในโทรศัพท์ของแฟนสาวที่เป็นพยาบาลอยู่ในจังหวัดกระบี่อีกที่หนึ่ง แต่เมื่อทวง ถามก็บ่ายเบี่ยง จนกระทั่งไม่รับสาย ติดต่อไม่ได้ในที่สุด 

ชมผ่านยูทูปได้ที่ : https://youtu.be/QLbI46yrmCc

แท็กที่เกี่ยวข้อง  

คุณอาจสนใจ