ต่างประเทศ
กัมพูชากล่าวหาไทยในเวที UNSC ว่าการโจมตีทางอากาศเป็น “การรุกราน” ไม่ใช่ “การป้องกันตัว”
5 ชั่วโมงที่แล้ว
121 views
ผู้แทนถาวรกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กล่าวแถลงต่อคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) ว่า การโจมตีทางอากาศของไทย เป็นการ “รุกราน” ไม่ใช่การป้องกันตัว พร้อมอ้างอีกว่าความนิ่งเฉยของนานาชาติเสี่ยงที่จะทำให้การใช้กำลังที่ผิดกฎหมายกลายเป็นเรื่องปกติ
นายแก้ว เจีย ผู้แทนถาวรกัมพูชาประจำสหประชาชาติ กล่าวถ้อยแถลงต่อที่ประชุมคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ (UNSC) เมื่อวานนี้ (15 ธ.ค.) ว่า รัฐบาลกัมพูชารู้สึกยินดีต่อข้อเรียกร้องของนายอันโตนิโอ กูเตอร์เรส เลขาธิการสหประชาชาติ ที่ขอให้มีการใช้ความยับยั้งชั่งใจในเหตุปะทะกับไทย แต่การเรียกร้องนั้นล้มเหลวในการระงับปฏิบัติการทางทหารของไทย
นายแก้วแจ้งว่า ไทยยังคงโจมตีต่อเนื่องครอบคลุม 7 จังหวัดของกัมพูชา รวมถึงจังหวัดเสียมราฐ ซึ่งไม่ได้มีพรมแดนติดกับประเทศไทย การโจมตีดังกล่าวส่งผลให้มีพลเรือนเสียชีวิตอย่างน้อย 15 ราย ประชาชนกว่า 400,000 คนต้องอพยพพลัดถิ่น ทำลายโครงสร้างพื้นฐานของพลเรือน และสร้างความเสียหายในพื้นที่ซึ่งส่งผลกระทบต่อปราสาทพระวิหาร อันเป็นมรดกโลกของยูเนสโก
การระดมยิงปืนใหญ่และการโจมตีทางอากาศของไทยที่ทวีความรุนแรงและรุกล้ำลึกเข้ามาถึง 90 กิโลเมตรในพื้นที่พลเรือนของกัมพูชา ถือเป็นการกระทำที่เป็นการรุกรานอย่างชัดเจน นี่ไม่ใช่ทั้งข้อพิพาทชายแดนและไม่ใช่การป้องกันตัว
เขากล่าวว่า กัมพูชาได้ประณามการโจมตีดังกล่าวอย่างเด็ดขาด โดยเตือนว่าขนาดและระดับความลึกของการโจมตีนั้นเกินกว่าข้ออ้างด้านความมั่นคงที่ชอบธรรมไปมาก
นายแก้ว กล่าวเสริมว่า แม้ไทยจะพยายามแสดงภาพลักษณ์ว่าเป็นผู้รักสันติภาพ แต่กลับปฏิเสธทุกหนทางสู่สันติภาพที่ได้รับการเสนอไป รัฐบาลไทยปฏิเสธที่จะส่งเรื่องข้อพิพาทไปยังศาลยุติธรรมระหว่างประเทศ (ICJ), ระงับข้อตกลงสันติภาพกัวลาลัมเปอร์เพียงฝ่ายเดียว, ประกาศปิดการเจรจา, ปฏิเสธข้อเสนอหยุดยิง และแสดงเจตนาอย่างเปิดเผยที่จะทำลายขีดความสามารถทางทหารของกัมพูชา
อย่างไรก็ดี จุดยืนของกัมพูชายังคงเสมอต้นเสมอปลาย นั่นคือ การทูตต้องมาก่อนการใช้กำลัง กฎหมายต้องมาก่อนการบีบบังคับ และความร่วมมือต้องมาก่อนความขัดแย้ง
นายแก้ว ยังระบุต่อที่ประชุมว่า นายกรัฐมนตรีฮุน มาเนต ยินดีรับข้อเรียกร้องของนายอันวาร์ อิบบราฮิม นายกรัฐมนตรีมาเลเซีย ที่ขอให้มีการหยุดยิงทันที แต่ฝ่ายไทยปฏิเสธที่จะยอมรับ เขาเรียกร้องให้คณะมนตรีความมั่นคงและประชาคมระหว่างประเทศยึดมั่นในกฎบัตรสหประชาชาติและปกป้องหลักการสำคัญของกฎบัตร พร้อมเตือนว่า ความนิ่งเฉยทำให้การรุกรานกลายเป็นเรื่องปกติ และบั่นทอนระบบพหุภาคี
ผู้แทนถาวรกัมพูชากล่าวว่า ในช่วงเวลาที่การเคารพกฎหมายระหว่างประเทศกำลังเสื่อมถอย และการใช้กำลังกำลังกลายเป็นเรื่องปกติมากขึ้นเรื่อยๆ ความรับผิดชอบของคณะมนตรีความมั่นคงฯ จึงมีความสำคัญยิ่งกว่าที่เคย ในฐานะผู้สนับสนุนกฎบัตรสหประชาชาติอย่างแข็งขัน กัมพูชาเชื่อว่าเลขาธิการสหประชาชาติมีบทบาทสำคัญในการผลักดันการทูตเชิงป้องกัน และกลไกการรักษาสันติภาพและการตรวจสอบของสหประชาชาติควรได้รับการเสริมกำลัง โดยเฉพาะเพื่อปกป้องรัฐขนาดเล็ก
แท็กที่เกี่ยวข้อง ชายแดนไทยกัมพูชา