ต่างประเทศ
สื่อเกาหลีใต้ตีข่าว “กัมพูชา” กำลังเป็นแหล่งซ่องสุมของอาชญากรที่มุ่งเป้าไปยังชาวเกาหลี
13 ต.ค. 2568
121 views
สื่อเกาหลีใต้อย่าง The Korea Times ตีข่าวใหญ่ โดยบอกว่าขณะนี้กัมพูชากำลังเป็นแหล่งซ่องสุมของอาชญากรที่มุ่งเป้าไปยังชาวเกาหลี จากเหตุการณ์ล่าสุดที่เกิดขึ้นกับนักศึกษาวัย 22 ปี ส่งผลให้สังคมเกาหลีใต้หันมาสนใจปัญหาคดีลักพาตัว กักขังหน่วงเหนี่ยว และฆาตกรรมในกัมพูชาเพิ่มมากขึ้น
The Korea Times ได้อ้างอิงการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่รายหนึ่งที่ระบุว่า แก๊งอาชญากรรมข้ามชาติที่เคยเคลื่อนไหวในพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำ ซึ่งเป็นแนวชายแดนเชื่อมต่อระหว่างลาว เมียนมา และไทย ได้ย้ายฐานปฏิบัติการมายังกัมพูชา เพื่อเปิดเครือข่ายแก๊งคอลเซ็นเตอร์, การหลอกลวงให้หลงรักทางออนไลน์, และบ่อนพนันผิดกฎหมาย
เครือข่ายเหล่านี้มุ่งเป้ามาที่ชาวเกาหลีมากขึ้นเรื่อยๆ โดยใช้ข้อเสนองานปลอมเพื่อล่อลวงเหยื่อ ก่อนจะบังคับให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมที่ผิดกฎหมาย
ล่าสุด ประธานาธิบดีอี แจ-มยอง ได้สั่งการให้รัฐบาลตอบสนองต่อเรื่องนี้อย่างเต็มที่ ขณะที่กระทรวงการต่างประเทศได้ขยายประกาศเตือนภัยการเดินทางในบางพื้นที่ของกัมพูชา ส่วนสำนักงานตำรวจแห่งชาติก็เตรียมจัดตั้งหน่วยงานช่วยเหลือพลเมืองที่ชื่อว่า Korean Desk ในกัมพูชา
ข้อมูลจาก ส.ส. พัค ชาน-แด จากพรรคประชาธิปไตยแห่งเกาหลี ระบุว่าคดีหลอกลวงให้มาทำงานและการกักขังหน่วงเหนี่ยวที่เกี่ยวข้องกับชาวเกาหลีในกัมพูชา เพิ่มขึ้นจากเพียง 1 คดีในปี 2565 เป็น 220 คดีในปี 2567 และเป็น 330 คดีในปีนี้ เฉพาะเดือนมกราคมถึงสิงหาคม
หนึ่งในคดีสะเทือนขวัญล่าสุดคือ กรณีของนักศึกษาวัย 22 ปี นามสมมติ เอ ที่ถูกล่อลวงด้วยคำเชิญให้ไปร่วมงานจัดหางาน ก่อนจะถูกพบเป็นศพในสถานที่เป็นแหล่งมั่วสุมของอาชญากรที่รู้จักกันในชื่อ "Wench (เวนช์) ” ซึ่งผู้รอดชีวิตรายหนึ่ง นามสมมติชื่อว่า “บี” ที่เคยถูกกักขังอยู่ด้วยกันเปิดเผยว่า นายเอกถูกทุบตีอย่างหนักจนไม่สามารถเดินหรือหายใจได้ และเสียชีวิตระหว่างทางไปโรงพยาบาล
เมื่อต้นเดือนที่ผ่านมา เหยื่ออีกสองราย (นามสมมติ ซี และ ดี) ได้รับการช่วยเหลือออกมาจากโรงแรมแห่งหนึ่งในเมืองสีหนุวิลล์ หลังถูกแก๊งอาชญากรท้องถิ่นจับตัวไว้ ทั้งสองถูกหลอกว่าจะได้ทำงานด้านไอทีด้วยเงินเดือนระหว่าง 8 ถึง 15 ล้านวอน (ราว 183,000 – 343,000 บาท) แต่กลับถูกบังคับให้ทำงานเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์
เมื่อพวกเขาปฏิเสธก็ถูกทุบตีด้วยท่อเหล็กและทรมานด้วยเครื่องช็อตไฟฟ้า และเมื่อหมดสติก็จะถูกสาดน้ำเพื่อให้ฟื้นขึ้นมา แม้ว่าเหยื่อคนหนึ่งจะสามารถส่งข้อความขอความช่วยเหลือผ่านแอปเทเลแกรมได้ แต่ผู้คุมก็จับได้และหลบเลี่ยงการตรวจค้นของตำรวจท้องถิ่นไปได้
ก่อนที่ตำรวจจะบุกเข้าไปช่วยเหลือพวกเขาที่โรงแรมแห่งหนึ่ง หลังจากถูกจับตัวไว้นานถึง 160 วัน ทั้งสองเคยถูกขู่จากคนร้ายว่าจะฝังหรือเผาพวกเขาทั้งเป็น
The Korea Times ยังได้รายงานข้อมูลจากผู้เชี่ยวชาญรายหนึ่งที่ระบุว่า การที่กัมพูชากลายเป็นศูนย์กลางอาชญากรรมแห่งใหม่ มีสาเหตุมาจากการที่รัฐบาลเกาหลีใต้ประกาศให้พื้นที่สามเหลี่ยมทองคำเป็น "เขตห้ามเดินทาง" ในปี 2566 หลังจากมีการปราบปรามอย่างหนัก กลุ่มอาชญากรจึงย้ายฐานไปยังเมืองต่างๆ ของกัมพูชา เช่น พนมเปญ สีหนุวิลล์ และกัมปอต
เครือข่ายเหล่านี้มักกระจายอยู่ตามเมืองต่างๆ ทำให้ยากต่อการกำหนดให้เป็นเขตห้ามการเดินทางที่ชัดเจน แม้ตำรวจท้องถิ่นจะได้รับรายงานเกี่ยวกับตำแหน่ง แต่การสืบสวนก็เป็นไปได้ยาก เพราะอาชญากรมักย้ายที่อยู่ตลอด หรืออาจมีการสมรู้ร่วมคิดระหว่างเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นกับแก๊งอาชญากร
อย่างไรก็ดี มีรายงานว่าชาวเกาหลีบางส่วนที่ได้รับความช่วยเหลือกลับไปแล้วได้กลับไปยังกัมพูชาเพื่อเข้าร่วมเครือข่ายอาชญากรรมอีกครั้ง เช่น ชายวัย 20 ปีคนหนึ่งที่ได้รับการช่วยเหลือและส่งตัวกลับประเทศในเดือนกุมภาพันธ์ ถูกจับกุมอีกครั้งในเดือนสิงหาคมหลังเดินทางกลับไปที่กัมพูชาเพื่อไปทำงานในแก๊งคอลเซ็นเตอร์
เจ้าหน้าที่รัฐบาลกล่าวว่าหลายคนกลับไปเพราะต้องการเงิน ในขณะที่บางคนลังเลที่จะแจ้งความเพราะกลัวจะถูกลงโทษ
นอกจากการจัดตั้ง Korean Desk และส่งเจ้าหน้าที่ไปร่วมชันสูตรพลิกศพเหยื่อผู้เสียชีวิตแล้ว The Korea Times ยังรายงานว่าทางการเกาหลีใต้จะร่วมมือกับตำรวจสากล (Interpol) และตำรวจอาเซียน (ASEANAPOL) เพื่อจัดตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจข้ามชาติสำหรับการสืบสวนอาชญากรรมข้ามพรมแดนด้วย
แท็กที่เกี่ยวข้อง