ต่างประเทศ

กัมพูชาจับกุมชาวจีน 3 คน คดีทรมานนักศึกษาเกาหลีใต้จนเสียชีวิต

12 ต.ค. 2568

283 views

ทางการกัมพูชาจับกุมชาวจีน 3 คนในข้อหาฆาตกรรม-ฉ้อโกง คดีนักศึกษาชาวเกาหลีใต้ถูกทรมานจนเสียชีวิต ทำให้ทางการเกาหลีใต้ต้องออกประกาศเตือนภัยการเดินทางให้กับประชาชน

ตามรายงานของสื่อกัมพูชาระบุว่า สำนักงานอัยการจังหวัดกัมปอตได้ยื่นฟ้องผู้ต้องสงสัยชาวจีน 3 คน ซึ่งประกอบไปด้วยนายหลี่ ซิงเผิง วัย 32 ปี, นายจู เริ่นเจ๋อ วัย 43 ปี และนายหลิว ฮ่าวซิง วัย 29 ปี ในข้อหาฆาตกรรมโดยใช้ความรุนแรงและฉ้อโกงโดยใช้เทคโนโลยี

จุดเริ่มต้นของการจับกุมนี้เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 8 สิงหาคม 2568 เมื่อตำรวจกัมพูชาได้พบรถยนต์ฟอร์ด F-150 แรปเตอร์ ต้องสงสัยจอดทิ้งไว้ใกล้กับภูเขาโบกอร์ แหล่งท่องเที่ยวชื่อดังในจังหวัดกัมปอต ที่ชาวกัมพูชากล่าวอย่างภูมิใจว่าสวยงามราวกับสรวงสวรรค์

เมื่อเจ้าหน้าที่เข้าตรวจค้นรถคันดังกล่าว ก็พบกับร่างไร้วิญญาณของนักศึกษาชายชาวเกาหลีใต้วัย 22 ปี และได้จับกุมชายชาวจีน 2 คนทันที คือนายหลี่และนายจู ส่วนอีกคนอาศัยความมืดหลบหนีไปได้ ขณะที่สื่อเกาหลีใต้ระบุว่า สถานที่ที่พบศพนั้นเป็นที่รู้กันว่ามีความเชื่อมโยงกับขบวนการหลอกลวงไปทำงานและการกักขังหน่วงเหนี่ยวที่พุ่งเป้ามาที่ชาวเกาหลีใต้โดยเฉพาะ

การสืบสวนขยายผลนำไปสู่การบุกจู่โจมวิลล่าแห่งหนึ่งบนภูเขาโบกอร์ ซึ่งเชื่อว่าเป็นสถานที่ที่ใช้ทรมานเหยื่อ และจับกุมผู้ต้องสงสัยได้เพิ่มอีก 1 คน คือ นายหลิว

เรื่องราวการตกเป็นเหยื่อของแก๊งอาชญากรรมและเสียชีวิตของนักศึกษาวัย 22 ปี เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 17 กรกฎาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงปิดเทอมฤดูร้อน เขาได้เดินทางออกจากบ้านที่เมืองเยซอน จังหวัดคย็องซังเหนือ เพื่อไปยังประเทศกัมพูชา โดยบอกกับครอบครัวว่าจะไปร่วมงานนิทรรศการแสดงสินค้าที่จัดขึ้นที่กรุงพนมเปญ เผื่อจะมีลู่ทางในการทำงาน

แต่พอเดินทางไปถึงเขากลับถูกแก๊งอาชญากรจีนจับตัวไป ต่อมาอีก 1 สัปดาห์ ทางครอบครัวก็ได้รับโทรศัพท์ปริศนาจากชายที่พูดภาษาเกาหลีสำเนียงจีน แจ้งว่าลูกชายก่อเรื่องที่กัมพูชาและถูกควบคุมตัวไว้ พร้อมเรียกค่าไถ่เป็นเงิน 50 ล้านวอน (ราว 1.15 ล้านบาท) เพื่อแลกกับอิสรภาพ

ครอบครัวที่ใจสลายรีบแจ้งสถานทูตและตำรวจทันที แต่ตำรวจบอกว่าอย่าเพิ่งส่งเงินให้ เพราะกลัวว่าผู้ที่โดนจับตัวจะไม่ปลอดภัย

อย่างไรก็ดี ทางครอบครัวบอกว่าการติดต่อกับแก๊งอาชญากรนั้นเป็นไปอย่างยากลำบาก ทำให้คนร้ายตัดการติดต่อไป ก่อนที่สองสัปดาห์ต่อมา ในวันที่ 8 สิงหาคมจะมีการพบศพของนักศึกษาวัย 22 ปี

ตามข้อมูลพบว่าหลังจากที่นักศึกษาวัย 22 ปี ถูกแก๊งอาชญากรจับตัวไป เขาถูกตั้งชื่อว่า “หมายเลข A21” และถูกขังไว้กับชาวเกาหลีใต้อีกคนที่มีชื่อว่า “หมายเลข A2” ซึ่งทำหน้าที่เป็นพี่เลี้ยงให้

อย่างไรก็ดี ตามการเปิดเผยของ A2 ที่รอดชีวิตออกมาได้บอกว่า แก๊งคนร้ายไม่ได้ให้ผู้เสียชีวิตทำงานเป็นคอลเซ็นเตอร์เหมือนกับเขา แต่ตั้งใจจับไว้เพื่อเรียกค่าไถ่จากครอบครัว ซึ่งระหว่างนั้นก็ถูกทรมานอย่างหนักจนร่างกายบอบช้ำ ขาข้างซ้ายกระดูกหักจนโผล่ออกมา ทำให้เขาเดินไม่ได้ นอกจากนี้ยังถูกบังคับให้เสพยาด้วย

กระทั่งในวันที่ 8 สิงหาคม ก่อนที่จะมีการพบศพ A2 บอกว่านักศึกษาวัย 22 ปี กรีดร้องอย่างหนัก ตาเหลือกจนเห็นแต่ตาขาว และพยายามตะโกนขอความช่วยเหลือโดยบอกว่า “ผมหายใจไม่ออก ได้โปรดพาไปหาหมอที” ด้วยความที่คนร้ายหวังจะได้เงินจากครอบครัวของเขา จึงถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลแห่งหนึ่งในจังหวัดกัมปอต

แต่สุดท้ายก็เสียชีวิต ซึ่งแก๊งอาชญากรได้โกหกว่าเขาไม่ใช่คนเกาหลี แต่เป็นคนจีนชื่อ ‘ซ่งจินซิน’ อายุ 33 ปี เพื่อปกปิดการตาย แม้แต่สื่อของกัมพูชาอย่าง Khmer Times ก็ยังเชื่อและรายงานข่าวตามที่แก๊งอาชญากรบอก โดยระบุว่า “คืนวันที่ 10 สิงหาคม 2025 พบศพชายชาวจีนวัย 33 ปี เสียชีวิตในรถยนต์ที่โบกอร์“

อย่างไรก็ตาม ในที่สุด ความจริงก็ถูกเปิดเผยว่าผู้เสียชีวิตคือชายชาวเกาหลีใต้ และเขาถูกฆาตกรรม เนื่องจากหมอออกใบมรณบัตรว่า “หัวใจวายเฉียบพลัน เนื่องจากได้รับความเจ็บปวดอย่างรุนแรงจากการถูกทรมาน”

นักศึกษาวัย 22 ปี เสียชีวิตตั้งแต่เดือนสิงหาคม และจนถึงตอนนี้ผ่านมากว่า 2 เดือนแล้ว ร่างของเขาก็ยังไม่ถูกนำกลับประเทศบ้านเกิด เพราะตำรวจกัมพูชาอ้างว่ายังชันสูตรไม่แล้วเสร็จ

เรื่องราวสุดสลดที่เกิดขึ้น ทำให้กระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีใต้ประกาศเตือนภัยการเดินทางสำหรับประชาชนที่จะไปกัมพูชา โดยระบุว่า ให้งดเดินทางไปยังกรุงพนมเปญหากไม่จำเป็น และแนะนำให้หลีกเลี่ยงพื้นที่สีหนุวิลล์, เขาโบกอร์ และเมืองบาเวต ซึ่งเป็นศูนย์กลางทุนจีนแห่งใหม่ใกล้ชายแดนเวียดนาม

ล่าสุด เมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมา นายโช ฮยอน รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีใต้ได้เชิญเอกอัครราชทูตกัมพูชา ณ กรุงโซลเข้าพบ เพื่อประท้วงกรณีการเสียชีวิตของนักศึกษาวัย 22 ปี พร้อมเรียกร้องให้มีมาตรการที่เข้มแข็งยิ่งขึ้นเพื่อจัดการกับปัญหาแก๊งคอลเซ็นเตอร์และการกักขังหน่วงเหนี่ยวชาวเกาหลีใต้ที่เพิ่มสูงขึ้น

นอกจากนี้ รัฐมนตรีต่างประเทศของเกาหลีใต้ยังเรียกร้องให้รัฐบาลกัมพูชาร่วมมือกับรัฐบาลเกาหลีใต้จัดตั้งหน่วยงานเฉพาะกิจขึ้นมาและยกระดับความร่วมมือระหว่างตำรวจของทั้งสองประเทศ เพื่อปกป้องพลเมืองเกาหลีและสร้างความมั่นใจว่าจะมีการตอบสนองอย่างรวดเร็วเมื่อจำเป็น

ทางกระทรวงฯ ระบุว่า เอกอัครราชทูตกัมพูชาได้ตอบกลับว่าเขาเข้าใจถึงความกังวลและจุดยืนของรัฐบาลเกาหลีใต้ และจะรายงานเรื่องนี้ให้กับรัฐบาลกัมพูชารับทราบ

ขณะเดียวกัน เมื่อวานนี้ ทางกระทรวงการต่างประเทศของเกาหลีใต้ก็ประกาศว่าจะเร่งดำเนินการนำร่างของนักศึกษาวัย 22 ปี กลับประเทศให้เร็วที่สุด พร้อมระบุว่าได้ร้องขอให้ทางการกัมพูชาเร่งรัดการสืบสวนคดีนี้ทันที

กระทรวงฯ ยังระบุอีกว่า เมื่อไม่นานมานี้ จำนวนเหยื่อชาวเกาหลีใต้ที่ตกเป็นเป้าของขบวนการหลอกลวงจัดหางานและการกักขังในกัมพูชาได้เพิ่มสูงขึ้น จึงได้มีการร้องขอให้ทางการกัมพูชาพิจารณาผ่อนปรนขั้นตอนการแจ้งความ เนื่องจากในปัจจุบันเหยื่อต้องเดินทางไปแจ้งความด้วยตนเองและต้องให้ข้อมูลต่างๆ เช่น สำเนาหนังสือเดินทาง

ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่เปิดเผยว่า เมื่อเร็วๆ นี้ ชาวเกาหลีใต้สองคนเพิ่งได้รับการช่วยเหลือหลังจากถูกกักขังและทรมานในโรงแรมแห่งหนึ่งในกัมพูชา และถูกบังคับให้มีส่วนร่วมในกิจกรรมทางอาญาเป็นเวลานานประมาณ 160 วัน โดยทั้งสองคนเดินทางไปกัมพูชาหลังจากตอบรับประกาศรับสมัครงานออนไลน์ที่อ้างว่าจะให้ทำงานในสายเทคโนโลยีสารสนเทศ แต่บริษัทที่ว่ากลับกลายเป็นแก๊งคอลเซ็นเตอร์ที่มีชาวจีน, ชาวเกาหลีเชื้อสายจีน และคนอื่นๆ เกี่ยวข้อง โดยเหยื่อต้องเผชิญกับการทรมานอย่างรุนแรงขณะถูกบังคับให้ทำงานเป็นเวลาหลายเดือน ในที่สุดพวกเขาก็ได้รับการช่วยเหลือจากตำรวจท้องถิ่น

หนึ่งในผู้รอดชีวิตเปิดเผยข้อมูลสุดช็อกว่า “ยังมีคนเกาหลีอีก 3 คนอยู่ในห้องข้างๆ และน่าจะมีอีกมากมายที่ยังรอความช่วยเหลืออยู่”

ข้อมูลจากทางการยังยืนยันว่า ตั้งแต่ต้นปีจนถึงเดือนสิงหาคม มีชาวเกาหลีใต้ร้องเรียนเรื่องการถูกหลอกไปทำงานและกักขังในกัมพูชาผ่านช่องทางการทูตแล้วมากถึง 330 กรณี



คุณอาจสนใจ

Related News