ผู้นำไต้หวัน บอก “ทรัมป์” ถ้าอยากได้ “โนเบล” ต้องหยุด “สี จิ้นผิง” ของจีนให้ได้

ประธานาธิบดี “ไล่ ชิงเต๋อ” ของไต้หวัน ลั่น “โดนัลด์ ทรัมป์” ผู้นำสหรัฐอเมริกา ควรได้รับรางวัลโนเบล สาขาสันติภาพ หากสามารถโน้มน้าวประธานาธิบดี “สี จิ้นผิง” ของจีน ให้หยุดการใช้กำลังทหารต่อไต้หวันได้อย่างถาวร

ประธานาธิบดีไล่ให้สัมภาษณ์กับรายการ The Clay Travis and Buck Sexton Show ซึ่งออกอากาศผ่านสถานีวิทยุกว่า 400 แห่งในสหรัฐอเมริกาว่า ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์จะกลายเป็นผู้ได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพอย่างไม่ต้องสงสัย หากประธานาธิบดีทรัมป์สามารถโน้มน้าวให้สี จิ้นผิง ละทิ้งการรุกรานทางทหารต่อไต้หวันได้อย่างถาวร ซึ่งทรัมป์มีกำหนดในการพบปะกับประธานาธิบดีสี จิ้นผิงในเดือนนี้

ข้อเสนอดังกล่าวมีขึ้นท่ามกลางความหวาดระแวงของไต้หวันว่าทรัมป์ อาจใช้ไต้หวันเป็นเครื่องต่อรองเพื่อให้ได้มาซึ่งข้อตกลงทางการค้าที่สำคัญกับจีน

ประธานาธิบดีไล่ยังได้ฝากคำเตือนถึงทรัมป์ว่ าขอให้จับตาการกระทำของ สี จิ้นผิง อย่างใกล้ชิด เนื่องจากตอนนี้ จีนไม่ได้เพียงแค่ซ้อมรบรอบเกาะไต้หวันอย่างหนักหน่วงเท่านั้น แต่ยังขยายอิทธิพลทางทหารไปทั่วทะเลจีนตะวันออกและทะเลจีนใต้ด้วย

ผู้นำไต้หวันยังย้ำว่า หากไต้หวันถูกผนวกเข้ากับจีนแผ่นดินใหญ่ จีนจะมีกำลังแข็งแกร่งขึ้น และส่งผลกระทบต่อสหรัฐอเมริกาในเวทีโลกอย่างแน่นอน

เมื่อถูกถามถึงความเห็นของประธานาธิบดีไล่ นางแอนนา เคลลี โฆษกทำเนียบขาว กล่าวว่าประธานาธิบดีทรัมป์ "สมควรได้รับรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพซ้ำแล้วซ้ำเล่า" เนื่องจากเขาได้สร้างสันติภาพให้กับสงครามที่ยืดเยื้อมานานหลายทศวรรษทั่วโลก

ขณะที่ทรัมป์เคยกล่าวว่าเขาสมควรได้รับรางวัลอันทรงเกียรตินี้ ซึ่งประธานาธิบดีสหรัฐฯ คนก่อนหน้าเขา 4 คนเคยได้รับมาแล้ว โดยรางวัลโนเบลสาขาสันติภาพประจำปี 2568 นี้จะมีการประกาศออกมาในวันศุกร์ (10 ต.ค.)