“กัมพูชา” ร้อง UN ให้แทรกแซงกดดันไทยปล่อยตัว 18 ทหาร ที่ถูกคุมขัง อ้างละเมิดสิทธิมนุษยชนร้ายแรง

คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งกัมพูชา ร้อง UN ให้แทรกแซงเพื่อกดดันไทยปล่อยตัวทหาร 18 นาย ที่ถูกกองทัพไทยควบคุมตัวไว้แล้ว 65 วัน โดยชี้ว่าเป็นการกระทำที่ผิดกฎหมายและละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างร้ายแรง

แถลงการณ์ที่ถูกเผยแพร่ออกมาในวันนี้ (3 ต.ค.) ระบุว่า ณ วันที่ 2 ตุลาคม 2568 ทหารกัมพูชา 18 นายถูกกองทัพไทยควบคุมตัวแล้ว 65 วัน ทั้งๆ ที่กัมพูชาและไทยได้บรรลุข้อตกลงหยุดยิงร่วมกันไปแล้วตั้งแต่วันที่ 28 กรกฎาคม 2568

นายแก้ว เรมี ประธาน คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งกัมพูชา CHRC ระบุว่าการควบคุมตัวที่ดำเนินอยู่นี้ถือเป็นการละเมิดกฎหมายสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง ซึ่งรวมถึงข้อห้ามว่าด้วยการควบคุมตัวโดยพลการภายใต้สนธิสัญญาสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศ

CHRC ย้ำว่าครอบครัวของทหารกัมพูชา 18 นาย ต้องจมอยู่ความทุกข์ทรมานทางจิตใจและความไม่แน่นอนอย่างแสนสาหัส ทุกวันที่ผ่านไปโดยไร้ข่าวคราวจากคนอันเป็นที่รักได้สร้างความเจ็บปวดที่แทบจะขาดใจ ความหวาดกลัว และความทุกข์ทรมาน พ่อแม่ คู่สมรส และลูกๆ ต่างตกอยู่ในความปวดร้าว เพราะไม่รู้ว่าคนที่พวกเขารักยังปลอดภัย มีชีวิตอยู่ หรือได้รับการปฏิบัติอย่างมีมนุษยธรรมหรือไม่ พวกเขาเหล่านี้ขอส่งเสียงเรียกร้องขอความเมตตาและความยุติธรรม ที่ต้องการให้ท่านดำเนินการทันทีเพื่อปลดปล่อยพวกเขากลับบ้าน

ในแถลงการณ์ CHRC ได้เรียกร้องโดยตรงไปยังสำนักงานข้าหลวงใหญ่เพื่อสิทธิมนุษยชนแห่งสหประชาชาติ (OHCHR) ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ในการส่งเสริมและคุ้มครองสิทธิมนุษยชน เข้ามากดดันรัฐบาลไทยให้ปล่อยและส่งทหารกัมพูชากลับประเทศโดยไม่มีเงื่อนไข ตามหลักกฎหมายระหว่างประเทศ

CHRC ยังเตือนว่าการเพิกเฉยและไม่ดำเนินการอย่างทันท่วงทีและเป็นรูปธรรม อาจถูกตีความได้ว่าเป็นการยอมรับ หรือเพิกเฉยต่อการละเมิดกฎหมายสิทธิมนุษยชนและมนุษยธรรมระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง การเพิกเฉยเช่นนี้ไม่เพียงแต่จะเหยียบย่ำสิทธิและศักดิ์ศรีของทหารกัมพูชา แต่ยังเสี่ยงต่อการสร้างบรรทัดฐานอันตรายที่ผู้กระทำผิดไม่ต้องรับโทษซึ่งจะทำลายความน่าเชื่อถือและประสิทธิภาพของระบบคุ้มครองสิทธิมนุษยชนทั่วโลกให้พังทลายลง

CHRC ปิดท้ายด้วยการยื่นคำขาดให้ OHCHR จัดการเรื่องนี้อย่างเร่งด่วนที่สุด และแสดงความเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกันในการปกป้องหลักการแห่งความยุติธรรมและสิทธิมนุษยชนของผู้ที่ตกเป็นเหยื่อจากการกระทำที่ผิดกฎหมายครั้งนี้