"ฮุน เซน" รำลึกครบรอบ 27 ปี เหตุลอบสังหาร ลั่นหากตาย กัมพูชาคงไม่มีสันติภาพ อย่างทุกวันนี้

สมเด็จฯ ฮุน เซน ประธานวุฒิสภากัมพูชา โพสต์ข้อความลงบนเฟซบุ๊กส่วนตัว เพื่อรำลึกครบรอบ 27 ปี เหตุการณ์ลอบสังหารตนเอง เมื่อวันที่ 24 กันยายน พ.ศ. 2541 ในเมืองเสียมราฐ โดยย้ำว่า หากตนเสียชีวิต หรือได้รับบาดเจ็บตั้งแต่ตอนนั้น กัมพูชาคงไม่มีสันติภาพ หรือการพัฒนาอย่างเช่นทุกวันนี้

สมเด็จฯ ฮุน เซน ระบุว่า วันที่ 24 กันยายน 2568 นี้ เป็นวันครบรอบ 27 ปี ของเหตุการณ์ลอบยิงตนในเมืองเสียมราฐ (24 กันยายน 2541 – 24 กันยายน 2568) แต่โชคดีที่ตนไม่ได้รับบาดเจ็บ และยังคงอยู่กับประชาชนเพื่อสานต่อนโยบาย "ชนะ-ชนะ" (Win-Win) ในการยุติสงครามและนำมาซึ่งสันติภาพ เอกภาพแห่งชาติ และเอกภาพแห่งดินแดน ซึ่งสำเร็จลุล่วงในวันที่ 29 ธันวาคม พ.ศ. 2541

สมเด็จฯ ฮุน เซน กล่าวว่า ตนไม่ขอย้อนรำลึกถึงเหตุการณ์ในเช้าวันนั้น แต่ขอย้ำว่า หากตนเสียชีวิต หรือได้รับบาดเจ็บ กัมพูชาก็คงไม่มีสันติภาพและการพัฒนาอย่างที่เป็นอยู่ในทุกวันนี้ เพราะเจ้าของนโยบาย "ชนะ-ชนะ" ได้เสียชีวิตไปแล้ว และหากตนได้รับบาดเจ็บ เมืองเสียมราฐ และนักการเมืองอีกหลายคน ก็อาจต้องล้มตายไป

นับจากวันนั้นจนถึงวันนี้ ตนมีชีวิตอยู่มาแล้ว 27 ปี และหวังว่าจะมีชีวิตอยู่ต่อไปอีกอย่างน้อย 27 ปี นอกจากนี้ สมเด็จฯ ฮุน เซน ยังได้นำภาพถ่ายของตนเองในช่วงอายุ 40 กว่าปี แต่ยังไม่ถึง 50 ปี มาแบ่งปันให้ชมด้วย โดยบางภาพผ่านการปรับแต่งด้วย AI

ต่อมาในช่วงเช้า สมเด็จฯ ฮุน เซน ได้โพสต์ข้อความเกี่ยวกับเหตุการณ์ลอบสังหารดังกล่าวอีกครั้ง โดยให้รายละเอียดเพิ่มเติมถึงสิ่งที่อาจเกิดขึ้นหากตนถูกลอบสังหารในวันนั้น พร้อมชี้ว่าข้อความในโพสต์ก่อนหน้านี้ อาจเป็นมุมมองที่เห็นบทบาทของตนเพียงด้านเดียว โดยไม่ได้คำนึงถึงปัจจัยอื่นๆ

สมเด็จฯ ฮุน เซน ได้วิเคราะห์ถึงสถานการณ์ที่อาจเกิดขึ้นไว้ 4 ประการ ดังนี้

1. หลังจากที่ตนเสียชีวิต จะเกิดการนองเลือดขึ้นทันที ทำให้มีผู้คนล้มตายเป็นจำนวนมากในเมืองเสียมราฐ

2. การควบคุมสถานการณ์เพื่อให้รัฐสภาสามารถเปิดประชุมและจัดตั้งรัฐบาลใหม่ได้ จะตกอยู่ในภาวะชะงักงัน (Deadlock) จนไม่สามารถเดินหน้าได้

3. ประเทศจะยังคงอยู่ในภาวะสงครามต่อไป โดยถูกแบ่งออกเป็นสองเขตพื้นที่ซึ่งควบคุมโดยรัฐบาลราชอาณาจักรฯ และกลุ่มเขมรแดง

4. อาจมีผู้นำทางการเมืองที่โดดเด่นปรากฏขึ้นมา ซึ่งสามารถสร้างความปรองดองภายในชาติและค้นพบหนทางยุติสงครามได้สำเร็จ ซึ่งจะนำมาซึ่งสันติภาพและการพัฒนาทางเศรษฐกิจและสังคมที่ดีกว่าในยุคของตนหลายเท่าตัว

นอกจากนี้ ฮุน เซน ยังย้ำว่ายังมีปัจจัยอื่นๆ อีกมากมายที่อยากให้นำไปพิจารณาด้วยตนเอง