“คิม จองอึน” ประกาศยินดีคุยกับสหรัฐฯ แต่ต้องไม่บีบให้ปลดอาวุธนิวเคลียร์

“คิม จองอึน” ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ ส่งสัญญาณถึงสหรัฐฯ ว่ายินดีที่จะเจรจาด้วย แต่ย้ำว่าสหรัฐฯ จะต้องไม่บีบบังคับให้ปลดอาวุธนิวเคลียร์ และจะไม่นำคลังแสงนิวเคลียร์แลกกับการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร

คิม จองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือได้กล่าวถ้อยแถลงในที่ประชุมสมัชชาประชาชนสูงสุด เมื่อวานนี้ (21 ก.ย.) โดยยืนยันว่าตนมีความทรงจำที่ดีกับประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ของสหรัฐอเมริกา ซึ่งในอดีต นายคิมและประธานาธิบดีทรัมป์เคยพบกันถึง 3 ครั้ง ในช่วงที่ทรัมป์ดำรงตำแหน่งสมัยแรก

นายคิมยังกล่าวอีกว่า หากสหรัฐอเมริกาเลิกหมกมุ่นกับการปลดอาวุธนิวเคลียร์ ยอมรับความจริง และต้องการอยู่ร่วมกันอย่างสันติอย่างแท้จริง เขาก็ไม่มีเหตุผลใดที่จะไม่เจรจาด้วย

นอกจากนี้ นายคิมยังย้ำว่าการสร้างอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือมีขึ้นเพื่อปกป้องความมั่นคงของประเทศจากภัยคุกคามร้ายแรงจากสหรัฐอเมริกาและเกาหลีใต้ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องความอยู่รอดของชาติ พร้อมทั้งวิพากษ์วิจารณ์การซ้อมรบประจำปีร่วมกันระหว่างเกาหลีใต้กับสหรัฐอเมริกาว่า เป็นการเตรียมพร้อมเพื่อทำสงครามนิวเคลียร์

ผู้นำเกาหลีเหนือยังมองว่าการยื่นข้อเสนอขอเจรจาครั้งล่าสุดจากสหรัฐอเมริกาและเกาหลีใต้นั้นไม่จริงจัง เนื่องจากมีเป้าหมายแอบแฝงที่จะทำให้เกาหลีเหนืออ่อนแอลงและทำลายระบอบการปกครองของเขา โดยเฉพาะข้อเสนอของเกาหลีใต้ที่ต้องการให้เกาหลีเหนือยุติโครงการนิวเคลียร์แบบค่อยเป็นค่อยไป ซึ่งนายคิมย้ำว่าเขาจะไม่มีวันยอมปลดอาวุธนิวเคลียร์ เพราะ “โลกรู้ดีอยู่ว่าสหรัฐฯ จะทำอะไรหลังจากที่บังคับให้ประเทศหนึ่งยอมสละอาวุธนิวเคลียร์” ดังนั้น เขาจะไม่เจรจากับศัตรูเพื่อแลกคลังแสงนิวเคลียร์กับการยกเลิกมาตรการคว่ำบาตร

ทั้งนี้ เกาหลีเหนือถูกคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจและห้ามส่งออกอาวุธจากคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติ แม้จะทำให้เงินทุนสำหรับการพัฒนาด้านการทหารถูกจำกัด แต่เกาหลีเหนือก็ยังคงมีความก้าวหน้าในการพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธพิสัยไกลที่มีประสิทธิภาพอย่างมาก

แถลงการณ์ดังกล่าวของผู้นำสูงสุดเกาหลีเหนือมีขึ้นหลังจากที่รัฐบาลใหม่ของเกาหลีใต้ภายใต้การนำของประธานาธิบดี อี แจมยอง พยายามเรียกร้องให้ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐอเมริกา เข้ามาแสดงบทบาทผู้นำด้วยการจัดการเจรจากับนายคิมอีกครั้ง หลังจากในช่วง 6 ปีที่ผ่านมา การเจรจาสันติภาพกับเกาหลีเหนือหยุดชะงักลงเนื่องจากปัญหาการคว่ำบาตรและการปลดอาวุธนิวเคลียร์

ประธานาธิบดี อี แจมยอง ของเกาหลีใต้ ได้ให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวรอยเตอร์สล่าสุดว่า มาตรการคว่ำบาตรทางเศรษฐกิจไม่สามารถยับยั้งเกาหลีเหนือได้ ซึ่งเขาชี้ว่าปัจจุบัน เกาหลีเหนือกำลังเพิ่มอาวุธนิวเคลียร์เข้าคลังแสงประมาณ 15 ถึง 20 ลูกต่อปี

นับตั้งแต่เข้ารับตำแหน่งเมื่อเดือนมิถุนายน ประธานาธิบดีอีพยายามหาทางเจรจาสันติภาพกับเกาหลีเหนือ โดยย้ำว่าเป็นสิ่งที่จำเป็น ซึ่งเขาได้ยื่นข้อเสนอต่างๆ เพื่อสร้างความเชื่อมั่นและพยายามทำให้เกาหลีเหนือยอมยุติโครงการนิวเคลียร์ในที่สุด อย่างไรก็ตาม เขายอมรับว่าการเจรจากับเกาหลีเหนืออีกครั้งนั้นยังมีอุปสรรคสำคัญ แต่ก็เชื่อมั่นว่าการระงับโครงการนิวเคลียร์แบบค่อยเป็นค่อยไปเป็นทางเลือกที่สมเหตุสมผลที่สุด