ต่างประเทศ
สื่อกัมพูชาอ้างรอยเตอร์ส แฉ จนท.สนามบินไทย เอี่ยวส่งต่อเหยื่อค้ามนุษย์สู่แก๊งคอลเซ็นเตอร์
21 ก.ย. 2568
368 views
สื่อกัมพูชาอ้างรอยเตอร์ส แฉ จนท.สนามบินไทย อาจมีบทบาทสำคัญในขบวนการค้ามนุษย์ ลักพาตัวต่างชาติเข้าแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมาและที่อื่นๆ ขณะที่ตำรวจ ตม.ไทย โต้ข่าว บอกบิดเบือนข้อเท็จจริง
เว็บไซต์ข่าวขแมร์ไทม์ส (Khmer Times) ของกัมพูชานำรายงานข่าวเชิงสอบสวนของสำนักข่าวรอยเตอร์สมาเผยแพร่ ซึ่งมีการระบุว่าเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองที่สนามบินของไทยอาจมีบทบาทสำคัญในการส่งต่อเหยื่อค้ามนุษย์ไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมาและที่อื่นๆ
รายงานของรอยเตอร์สระบุว่า แม้ว่าสื่ออื่นๆ จะเคยรายงานถึงการมีอยู่ของแก๊งคอลเซ็นเตอร์เหล่านี้ แต่รายงานของรอยเตอร์สได้เปิดโปงบทบาทสำคัญในการค้ามนุษย์ของแก๊งอาชญากรรม ซึ่งดำเนินการโดยเจ้าหน้าที่ที่ถูกกล่าวหาว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองในสนามบินของไทย
นอกจากนี้ รอยเตอร์สก็ยังตีแผ่ชีวิตประจำวันที่เลวร้ายของเหยื่อภายในศูนย์เหล่านั้น ซึ่งยังคงดำเนินการอย่างแพร่หลายในพื้นที่ชายแดนของเมียนมา แม้จะมีการปราบปรามจากนานาชาติก็ตาม
รายงานเสริมว่า สำนักงานตรวจคนเข้าเมืองของไทย และบริษัท ท่าอากาศยานไทย ซึ่งเป็นบริษัทมหาชนที่บริหารจัดการสนามบินที่ใหญ่ที่สุดของประเทศ ไม่ได้ตอบกลับคำขอความคิดเห็นเกี่ยวกับข้อกล่าวหาที่ว่ามีเจ้าหน้าที่และพนักงานเข้าไปเกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์
อย่างไรก็ดี ในแถลงการณ์เมื่อวันที่ 20 ก.ย. 2568 หลังจากที่รอยเตอร์สเผยแพร่ข่าว ตำรวจตรวจคนเข้าเมืองของไทยได้ระบุว่า สำนักข่าวดังกล่าวได้ “บิดเบือนข้อเท็จจริงและกล่าวหาอย่างเป็นเท็จ”
ตำรวจได้ปฏิเสธความเป็นไปได้ที่พนักงานโรงแรมจะสามารถเข้าไปถึงสายพานรับกระเป๋าในสนามบินได้ โดยระบุว่ามีมาตรการควบคุมที่เข้มงวด
พลตำรวจตรี เชิงรณ ริมผดี ผู้บังคับการกองบังคับการตรวจคนเข้าเมือง 2 กล่าวว่า ตำรวจได้เริ่มใช้มาตรการคัดกรองที่เข้มงวดตั้งแต่เดือนมกราคม โดยมีการคัดกรองบุคคลสัญชาติที่มีความเสี่ยงต่อการค้ามนุษย์ ผ่านการตรวจสอบวีซ่า, ตั๋วเครื่องบินขากลับ, แผนการเดินทาง และที่พัก เขากล่าวว่านับตั้งแต่นั้นมา ได้ปฏิเสธการเข้าเมืองของบุคคลไปแล้ว 16,538 คน
ทั้งนี้ สำนักข่าวรอยเตอร์สได้เผยแพร่รายงานดังกล่าวบนเว็บไซต์เมื่อวันที่ 18 กันยายนที่ผ่านมา โดยอ้างอิงจากการสัมภาษณ์กับเหยื่อที่ถูกค้ามนุษย์ไปยังแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมาระหว่างปี 2565-2568 ทั้งหมด 9 คน ซึ่งมาจากทวีปแอฟริกา, เอเชียใต้, และเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
โอลี (Oly) เหยื่อที่เปิดเผยเฉพาะชื่อจริง เนื่องจากเกรงว่าจะถูกแก้แค้น เล่าว่า หลังจากที่เขาเดินทางมาถึงสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิ มีผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งมีลักษณะคล้ายเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองเข้ามาหาเขา จากนั้นเธอได้นำทางเขาไปพบกับเจ้าหน้าที่อีกคนหนึ่ง จากนั้น เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองก็ได้มีการโทรศัพท์ แล้วประทับตราหนังสือเดินทางให้กับโอลี ต่อมามีคนสวมเสื้อยืดที่มีชื่อโรงแรมของโอลี ปรากฏตัวที่สายพานรับกระเป๋า ซึ่งโอลีก็บอกว่า ตอนนั้น เขาก็สงสัยว่าทำไมพนักงานโรงแรมถึงเข้ามาในพื้นที่ตรงนี้ของสนามบินได้
หลังจากขึ้นรถเพื่อเดินทางไปโรงแรม โอลีเล่าว่า เขาได้ผล็อยหลับไปเนื่องจากอ่อนเพลียจากการเดินทาง พอตื่นขึ้นมาก็พบว่าตัวเองไม่ได้อยู่ที่กรุงเทพฯ แล้ว ต่อมาก็มีรถกระบะสองคันขับมาหารถของเขา โดยมีชายฉกรรจ์อยู่บนรถหลายคน พวกเขาถือปืนและมีดเข้ามาที่รถของโอลี และบอกให้เขาลงจากรถ จากนั้นเขาก็ถูกส่งตัวไปยังเมียนมา
สำนักข่าวรอยเตอร์สระบุว่า เหยื่อเกือบทั้งหมดถูกหลอกด้วยคำสัญญาว่าจะได้งานที่ได้รับค่าตอบแทนสูง โดยเหยื่อ 6 คน จาก 9 คนที่รอยเตอร์สได้สัมภาษณ์กล่าวว่า พวกเขาถูกพาตัวผ่านสนามบินนานาชาติสองแห่งของกรุงเทพฯ โดยบุคคลที่เชื่อว่าเป็นเจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมือง ก่อนจะถูกนำตัวไปยังเมียนมาโดยรถยนต์
นายลินด์ซีย์ คิปติเนส เอกอัครราชทูตเคนยาประจำประเทศไทย ซึ่งได้ช่วยเหลือพลเมืองของตนหลายร้อยคนออกจากแก๊งคอลเซ็นเตอร์ในเมียนมา กล่าวกับรอยเตอร์สว่า เหยื่อเหล่านี้ให้การตรงกันว่าถูกเจ้าหน้าที่พาตัวผ่านสนามบินของไทย นายคิปติเนสกล่าวว่าเขาได้ให้ข้อมูลโดยละเอียดเกี่ยวกับการลักพาตัวแก่ทางการไทย แต่ไม่ได้รับการติดตามผลใดๆ กลับมา
โฆษกกระทรวงการต่างประเทศของไทยกล่าวว่า ทางกระทรวงยังไม่ได้รับรายงานใดๆ เกี่ยวกับข้อกล่าวหาดังกล่าว แต่พร้อมที่จะตรวจสอบหากมี “ข้อมูลหรือหลักฐานที่น่าเชื่อถือ”