“ลูกชายอองซานซูจี” วอนโลกช่วยแม่วัย 80 ปี อาการป่วยทรุดหนัก เรียกร้องรัฐบาลทหารส่งแพทย์ด่วน

สำนักข่าว The Independent ของอังกฤษรายงาน นายคิม อาริส ลูกชายของนางอองซานซูจี อดีตผู้นำเมียนมาที่ถูกโค่นอำนาจ ออกมาเรียกร้องให้รัฐบาลทหารปล่อยตัวมารดาเข้ารับการรักษาพยาบาลอย่างเร่งด่วน และวิงวอนให้ประชาคมระหว่างประเทศเข้ามาแทรกแซงเพื่อช่วยเหลือมารดาที่กำลังมีสุขภาพย่ำแย่ลง

นายคิม อาริส ให้สัมภาษณ์ว่า มารดาของเขาซึ่งปัจจุบันมีอายุ 80 ปี และถูกคุมขังมาตั้งแต่เกิดรัฐประหารเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2564 กำลังทุกข์ทรมานจากโรคหัวใจที่อาการเลวร้ายลงเรื่อยๆ

เขาย้ำว่า ตอนนี้ มารดาของตนมีภาวะแทรกซ้อนทางหัวใจ ซึ่งแน่นอนว่าอาการยิ่งเลวร้ายลงจากสภาพความเป็นอยู่ในที่คุมขัง และจำเป็นต้องพบแพทย์หัวใจจากภายนอกเรือนจำ ซึ่งเขาได้ร้องขอไปยังรัฐบาลทหารเมียนมาแล้ว แต่ยังไม่ทราบว่าคำขอนี้ได้รับการอนุมัติหรือไม่

บุตรชายของนางซูจีกล่าวประณามการปฏิบัติของสภาบริหารแห่งรัฐ (SAC) ที่มีต่อมารดาของเขาว่า “โหดร้ายและเป็นอันตรายถึงชีวิต” และกล่าวว่าการขาดความโปร่งใสและความเมตตาที่เกิดขึ้นนั้น “น่าตกใจและสะเทือนใจอย่างยิ่ง”

เขายังได้วิงวอนให้ประชาคมโลกช่วยหาทางให้มารดาของเขาได้รับการปล่อยตัว โดยเน้นย้ำถึงความเร่งด่วนของอาการป่วยและความไม่ยุติธรรมจากการที่เธอยังคงถูกจองจำ

ด้านนาย วิลเลียม เฮก อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของสหราชอาณาจักร ได้เรียกร้องให้รัฐบาลทหารเมียนมารีบดำเนินการปล่อยตัวนางซูจี โดยเขากล่าวกับ The Independent ว่า “ถึงเวลาแล้วที่อองซานซูจีควรจะได้รับการปล่อยตัว นอกจากนี้ยังเป็นความจำเป็นเร่งด่วนทั้งในด้านศีลธรรมและมนุษยธรรม ที่เธอจะต้องได้รับการดูแลทางการแพทย์ที่เหมาะสมโดยไม่ชักช้า”

ปัจจุบัน นางซูจี ถูกคุมขังอยู่ภายในห้องขังเดี่ยวเป็นส่วนใหญ่ และเมื่อปีที่แล้ว อดีตรัฐมนตรีต่างประเทศของสหราชอาณาจักร 3 คน ได้ร่วมกันเรียกร้องให้ปล่อยตัวนางซูจี โดยระบุว่าเธอถูกคุมขังในสภาพที่เลวร้ายด้วยข้อหาที่ถูกกุขึ้น และต้องได้รับการปล่อยตัวเป็นอิสระ

คำบอกเล่านี้สอดคล้องกับนายฌอน เทอร์เนลล์ อดีตที่ปรึกษาชาวออสเตรเลียที่เคยถูกคุมขังเช่นกัน ซึ่งเคยเผยสภาพ “ขุมนรกในเรือนจำ” ของเมียนมา ทั้งความร้อนระอุ อาหารที่ย่ำแย่ และโรคระบาดที่แพร่กระจาย ซึ่งเป็นสภาพแวดล้อมที่อันตรายอย่างยิ่งสำหรับผู้สูงอายุที่มีโรคประจำตัวอย่างนางซูจี

เมื่อปี 2565 นางซูจีถูกตัดสินจำคุก 33 ปี จากหลายข้อหา ซึ่งกลุ่มสิทธิมนุษยชนระหว่างประเทศต่างประณามว่าเป็นเพียงละครฉากหนึ่งและมีแรงจูงใจทางการเมือง