“โดนัลด์ ทรัมป์” ประกาศเตรียมเก็บภาษีนำเข้าทองแดงเพิ่ม 50% หวังดึงฐานผลิตคืนสู่สหรัฐฯ

“โดนัลด์ ทรัมป์” ผู้นำสหรัฐอเมริกา สร้างแรงสั่นสะเทือนให้กับตลาดโลกอย่างต่อเนื่อง ล่าสุด ประกาศเตรียมเก็บภาษีนำเข้าสูงถึง 50% กับ “ทองแดง” โลหะที่มีความสำคัญในอุตสาหกรรมยุคใหม่ ตั้งแต่รถยนต์-ไฟฟ้า ไปจนถึงยุทโธปกรณ์ทางทหาร โดยมีเป้าหมายเพื่อดึงฐานการผลิตกลับคืนสู่แผ่นดินอเมริกา

โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐอเมริกา กล่าวกับผู้สื่อข่าวระหว่างการประชุมคณะรัฐมนตรีที่ทำเนียบขาวว่า เขามีแผนจะประกาศเรื่องภาษีทองแดงในเร็วๆ นี้ แต่ไม่ได้ระบุว่าภาษีดังกล่าวจะมีผลบังคับใช้เมื่อใด ทรัมป์ย้ำว่าภาษีดังกล่าวจะมีอัตราสูงถึง 50% ซึ่งประกาศดังกล่าวทำให้บรรดาบริษัทเหมืองแร่และกลุ่มการค้าต่างๆ กำลังเฝ้ารอรายละเอียดที่แน่ชัด

ขณะที่ นายโฮเวิร์ด ลุตนิค รัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ กล่าวว่า ภาษีทองแดงน่าจะมีผลบังคับใช้ภายในสิ้นเดือนกรกฎาคม หรือวันที่ 1 สิงหาคม (พร้อมกับมาตรการภาษีแบบตอบโต้) โดยอ้างเหตุผลด้านความมั่นคง และรัฐบาลสหรัฐฯ ต้องการนำอุตสาหกรรมทองแดงกลับคืนสู่ประเทศ

อย่างไรก็ตาม มาตรการนี้ส่อเค้าจุดชนวนความตึงเครียดทางการค้าครั้งใหม่ เนื่องจากประเทศที่จะได้รับผลกระทบหนักที่สุดคือ ชิลี, แคนาดา, และเม็กซิโก ซึ่งเป็นพันธมิตรและผู้ส่งออกทองแดงรายใหญ่ที่สุดให้สหรัฐฯ ในปี 2567 ทั้งสามประเทศได้โต้แย้งว่าการนำเข้าจากพวกเขาไม่ได้เป็นภัยคุกคาม และต่างก็มีข้อตกลงการค้าเสรี (FTA) กับสหรัฐฯ อยู่แล้ว

ทองแดงถูกนำไปใช้ในอุตสาหกรรมการก่อสร้าง การขนส่ง อิเล็กทรอนิกส์ และอุตสาหกรรมอื่นๆ อีกมากมาย โดยในแต่ละปี สหรัฐฯ ต้องนำเข้าทองแดงประมาณครึ่งหนึ่งของความต้องการทั้งหมด และมีโรงถลุงทองแดงในประเทศเพียง 3 แห่ง

ขณะที่โครงการเหมืองทองแดงขนาดใหญ่หลายแห่งทั่วสหรัฐฯ ต้องเผชิญกับการต่อต้านอย่างหนักในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมาด้วยเหตุผลหลายประการ

การประกาศที่เกิดขึ้นเร็วกว่าคาดและมีอัตราภาษีที่สูงลิ่ว ได้ส่งผลให้สัญญาล่วงหน้าทองแดงในตลาด Comex ของสหรัฐฯ พุ่งทะยานขึ้นกว่า 12% ทำสถิติสูงสุดเป็นประวัติการณ์ในทันที สะท้อนความกังวลของตลาดต่อมาตรการดังกล่าว

ขณะเดียวกัน ประกาศดังกล่าวยังมีขึ้นหลังจากทรัมป์ขู่ว่าจะเก็บภาษีนำเข้ายา 200% ซึ่งอาจจะเริ่มมีผลบังคับในอีกประมาณ 1 ปีข้างหน้า