ต่างประเทศ

กัมพูชา ยันไม่เคยหนุนแก๊งอาชญากรรมไซเบอร์ ซัดไทยศูนย์กลางค้ามนุษย์-คอลเซ็นเตอร์

24 มิ.ย. 2568

253 views

แขมรไทม์ส รายงานว่า รัฐบาลกัมพูชา ได้ปฏิเสธข้อกล่าวหาจากไทยอย่างหนักแน่น โดยเน้นย้ำว่ารัฐบาลกัมพูชาไม่สนับสนุน หรือปกป้องเครือข่ายอาชญากรรมทางไซเบอร์ขนาดใหญ่ และยืนยันความมุ่งมั่นในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ

การตอบโต้ดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจากที่ นายประเสริฐ จันทรรวงทอง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมของไทย สะท้อนความเห็นของสื่อระหว่างประเทศ โดยกล่าวหาว่ากัมพูชาเป็นที่ตั้งของเครือข่ายอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่ใหญ่ที่สุดแห่งหนึ่งของโลก

นายเจีย วันเดธ  รัฐมนตรีว่าการกระทรวงไปรษณีย์และโทรคมนาคม ออกมาต่อต้านข้อกล่าวหาดังกล่าว โดยเน้นย้ำจุดยืนที่แน่วแน่ของกัมพูชาเกี่ยวกับอาชญากรรมทางไซเบอร์ โดยระบุว่า “กัมพูชาไม่เคยสนับสนุนและจะไม่ทนต่อกิจกรรมทางอาชญากรรมทางไซเบอร์” และ “รัฐบาลกัมพูชายังคงมุ่งมั่นอย่างเต็มที่ต่อความซื่อสัตย์ ความโปร่งใส และการปฏิบัติตามหลักนิติธรรมและบรรทัดฐานระหว่างประเทศ”

กระนั้น เจีย วันเดธ ยอมรับว่า อาชญากรรมทางไซเบอร์เกิดขึ้นภายในระบบนิเวศน์ของเทคโนโลยี ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง และช่องโหว่ที่ซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็ว เนื่องจากอาชญากรรมดังกล่าวมีลักษณะข้ามชาติโดยเนื้อแท้ การต่อสู้กับอาชญากรรมเหล่านี้ต้องอาศัยความร่วมมืออย่างต่อเนื่องระหว่างรัฐบาลและพันธมิตรระหว่างประเทศ

เจีย วันเดธ บอกว่า “อาชญากรรมข้ามชาติ เป็นความท้าทายร่วมกันที่ต้องมีการรับผิดชอบร่วมกัน ไม่ใช่การเบี่ยงเบนทางการเมือง” และว่า  “ทางการไทย ควรเน้นที่การรื้อถอนเครือข่ายอาชญากรรมภายในพรมแดนของตนเอง และร่วมมือกันอย่างสร้างสรรค์มากกว่าการกล่าวโทษกันอย่างไม่รับผิดชอบ”

เจีย วันเดธ ยังบอกด้วยว่า กัมพูชาได้แสดงความกังวลอย่างจริงจังเกี่ยวกับรายงานที่บ่งชี้ว่า เจ้าหน้าที่ไทยบางคนอาจเปิดใช้งาน หรือเพิกเฉยต่อเครือข่ายอาชญากรรมทางไซเบอร์ที่ดำเนินการอยู่ในประเทศไทย ซึ่งเขาบอกว่า มีหลักฐานจำนวนมากชี้ให้เห็นว่าประเทศไทยเป็นศูนย์กลางของการหลอกลวงที่เกี่ยวข้องกับการค้ามนุษย์และการฉ้อโกงทางโทรศัพท์จากต่างประเทศเช่นกัน

เขายังยกตัวอย่างของกรณีที่น่าวิตกกังวลเป็นพิเศษ กรณีหนึ่งเกี่ยวข้องกับชาวจีนที่ถูกค้ามนุษย์จากสนามบินกรุงเทพฯ โดยตรงไปยังสถานที่หลอกลวง ซึ่งเน้นย้ำถึงธรรมชาติขององค์กรอาชญากรรมเหล่านี้ที่มีลักษณะข้ามชาติ

เจีย วันเดธ กล่าวเสริมว่า เหตุการณ์ดังกล่าวส่งผลกระทบในวงกว้างกว่านั้น ส่งผลให้นักท่องเที่ยวชาวจีนที่เดินทางมายังภูมิภาคนี้ลดลง และเขายังแสดงความเสียใจต่อความพยายามที่จะทำให้กัมพูชาดูไม่เป็นธรรมในแง่ลบ และเตือนว่าการกระทำดังกล่าวเบี่ยงเบนความรับผิดชอบร่วมกันในการต่อสู้กับอาชญากรรมทางไซเบอร์ร่วมกัน

ขณะเดียวกัน ทางด้าน โฆษกกระทรวงมหาดไทย นาย ทัช โซคาค กล่าวถึงข้อกล่าวหาของรัฐมนตรีไทย ว่าเป็นส่วนหนึ่งของรูปแบบการรายงานข่าวที่ลำเอียงและไม่สมดุลที่เกิดขึ้นซ้ำแล้วซ้ำเล่า ซึ่งมองข้ามความพยายามอย่างต่อเนื่องของกัมพูชาในการปราบปรามอาชญากรรมข้ามชาติ

เขายังวิพากษ์วิจารณ์คำพูดของรัฐมนตรีไทยว่า เป็นการเสแสร้ง โดยชี้ให้เห็นว่าสื่อระหว่างประเทศที่น่าเชื่อถือได้เปิดโปงปฏิบัติการทางอาชญากรรมร้ายแรงภายในประเทศไทยเอง

“ข้อกล่าวหาที่ไร้ความรอบคอบและไม่มีมูลความจริงเหล่านี้ เสี่ยงต่อการทำลายความสัมพันธ์ทางการทูตและทำลายความไว้วางใจของประชาชน”   และเขาเรียกร้องให้ประชาชนไทยประเมินพฤติกรรมของรัฐมนตรีอย่างมีวิจารณญาณด้วยความเข้มงวด

ทางด้าน นาย ปา จันเริน นักวิเคราะห์สังคมที่มีชื่อเสียงและประธานสถาบันเพื่อประชาธิปไตยกัมพูชา กล่าวว่าข้อพิพาทเรื่องพรมแดนระหว่างกัมพูชาและไทย ได้ลุกลามไปสู่สงครามสื่อมากขึ้นเรื่อยๆ โดยทั้งสองฝ่ายต่างใช้ประโยชน์จากสื่อเพื่อโจมตีซึ่งกันและกันโดยอ้อม

“สื่อของไทยมักจะตีพิมพ์บทความที่พรรณนาถึงกัมพูชาในเชิงลบ ซึ่งยิ่งทำลายภาพลักษณ์ของประเทศเรา” และว่า  “ผมมองว่าสิ่งนี้ไม่เป็นมืออาชีพและไม่เกิดประโยชน์ โดยเฉพาะในช่วงเวลาที่มีความตึงเครียดสูง”

คุณอาจสนใจ

Related News