“เกาหลีใต้” เผยนักท่องเที่ยวไทยลดฮวบ คาดสาเหตุโดน ตม. ปฏิเสธการเข้าประเทศ

“เกาหลีใต้” เผยนักท่องเที่ยวไทยลดฮวบ จากสถิติเป็นชาติที่มาเที่ยวอันดับ 1 ล่าสุดตกไปอยู่อันดับ 3 คาดสาเหตุจากโดน ตม. ปฏิเสธเข้าประเทศ กระทรวงยุติธรรมเกาหลีใต้ยัน มาตรการเหล่านี้จำเป็นสำหรับการป้องกันการเข้าเมืองผิดกฎหมาย และไม่ได้เป็นการเลือกปฏิบัติต่อคนไทย

สื่อเกาหลีใต้รายงานว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ ที่มาเที่ยวเกาหลีใต้เพิ่มขึ้นอย่างมากในปีนี้ แต่นักท่องเที่ยวไทยซึ่งเคยเป็นอันดับ 1 ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กลับมาเที่ยวลดลง โดยหล่นไปอยู่อันดับ 3 รองจากเวียดนามและฟิลิปปินส์

ข้อมูลจากองค์การท่องเที่ยวเกาหลี (Korea Tourism Organisation) เผยว่า นักท่องเที่ยวไทยเดินทางมาเที่ยวเกาหลีใต้ 119,000 คน ระหว่างเดือน ม.ค.-เม.ย. ซึ่งลดลง 21.1% เมื่อเทียบกับช่วงเวลาเดียวกันของปีที่แล้ว

แม้เทียบกับก่อนเกิดการระบาดของโรคโควิด ตัวเลขนักท่องเที่ยวไทยยังคงฟื้นตัวช้า เมื่อเทียบกับระหว่างเดือน ม.ค.-เม.ย. ของปีนี้ จำนวนนักท่องเที่ยวไทยมีเพียง 59% ของจำนวนนักท่องเที่ยวไทยในช่วงเวลาเดียวกันของปี 2019 ซึ่งถือว่าต่ำกว่าอัตราการฟื้นตัวของนักท่องเที่ยวต่างชาติโดยรวมที่ 88%

ในปี 2019 ประเทศไทยเป็นประเทศอันดับหนึ่งในแถบเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ที่มีนักท่องเที่ยวเดินทางไปเกาหลีใต้มากที่สุด โดยมีนักท่องเที่ยว 572,000 คน ผู้เชี่ยวชาญชี้สาเหตุที่นักท่องเที่ยวไทยลดลง เกิดจากความไม่พอใจต่อการถูกปฏิเสธเข้าเมืองของ ตม. เกาหลีใต้

นโยบายการใช้ระบบ K-ETA (Korea Electronic Travel Authorisation) ซึ่งกำหนดให้ผู้เดินทางจาก 112 ประเทศ ที่ได้รับยกเว้นวีซ่า ต้องลงทะเบียนและขออนุมัติเข้าประเทศออนไลน์ ก่อนออกเดินทางเข้าเกาหลีใต้ ส่งผลกระทบอย่างมาก จำนวนการปฏิเสธ K-ETA ที่สูงและการขาดคำอธิบายที่ชัดเจน การถูกปฏิเสธเหล่านี้ สร้างความไม่พอใจให้กับคนไทยจำนวนมาก นักท่องเที่ยวบางราย แม้จะได้รับอนุมัติ K-ETA แล้ว ก็ยังถูกปฏิเสธไม่ให้เข้าประเทศเมื่อเดินทางมาถึงเกาหลีใต้ ส่งผลให้ปัญหานี้รุนแรงยิ่งขึ้น

เรื่องราวการถูกปฏิเสธเข้าเมืองเหล่านี้ กลายเป็นประเด็นร้อนบนโซเชียลมีเดียของไทย ส่งผลให้จำนวนนักท่องเที่ยวที่ลดลง ข้อกำหนดการเข้าเมืองที่เข้มงวดมากขึ้นสำหรับคนไทย ส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการที่ไทยเป็นแหล่งแรงงานผิดกฎหมายอันดับต้นๆ ของเกาหลีใต้ กระทรวงยุติธรรมเกาหลีใต้ ยืนยันว่ามาตรการเหล่านี้ มีความจำเป็นสำหรับการป้องกันการเข้าเมืองผิดกฎหมาย และไม่ได้เป็นการเลือกปฏิบัติต่อคนไทย