การท่องเที่ยวเขมรเริ่มได้รับผลกระทบ จากวิกฤตชายแดน

กระทรวงการท่องเที่ยวกัมพูชาแถลงเมื่อวันพุธว่า การเติบโตด้านการท่องเที่ยวของกัมพูชากำลังชะลอตัวลงในปีนี้ เนื่องจากมาตรการภาษีศุลกากรของสหรัฐ  และความตึงเครียดตามแนวชายแดนไทย-กัมพูชาที่กำลังส่งผลกระทบต่อภาคการท่องเที่ยว

เจ้าหน้าที่เตือนว่ากัมพูชาอาจประสบปัญหาในการบรรลุเป้าหมายจำนวนนักท่องเที่ยวในปี 2568 เนื่องจากจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่ลดลง ส่งผลกระทบต่อรายได้ของอุตสาหกรรมหลักแห่งหนึ่งของกัมพูชา

ขณะที่แขมร์ ไทม์ส รายงานว่า เป้าหมายอันทะเยอทะยานของกัมพูชาในการต้อนรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ 7.2-7.5 ล้านคนในปี 2568 นี้ กำลังเผชิญกับความท้าทายที่สำคัญ ขณะที่เจ้าหน้าที่ระดับสูงและบุคคลสำคัญในอุตสาหกรรมแสดงความกังวลเกี่ยวกับปัจจัยลบทั้งทางภูมิรัฐศาสตร์และเศรษฐกิจ

นายโมฮัมหมัด ยูเนส ปลัดกระทรวงการท่องเที่ยวกล่าว แม้ว่าครึ่งปีแรกจะแสดงให้เห็นถึงการเติบโตของภาคการท่องเที่ยวในเชิงบวก แต่ระบบภาษีศุลกากรใหม่ของสหรัฐฯ และความตึงเครียดบริเวณชายแดนที่ยังคงคุกรุ่นกับไทย กำลังทำให้ต้องประเมินการคาดการณ์ช่วงปลายปีใหม่อีกครั้ง     

แต่เดิม คาดการณ์ว่าจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในปี 2568 นี้ จะแตะ 7.5 ล้านคน จากเดิมที่ 7.2 ล้านคนมรปี 2567  ซึ่ง โมฮัมหมัด ยูเนส  กล่าวว่า “อย่างไรก็ตาม การคาดการณ์นี้จำเป็นต้องมีการประเมินใหม่ทั้งหมด เนื่องจากสถานการณ์ที่เปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วหลายประการ รวมถึงภาษีศุลกากรใหม่ของสหรัฐฯ การปิดพรมแดนกัมพูชา-ไทย”

ทางด้าน ไชย ศิวลิน ประธานสมาคมตัวแทนท่องเที่ยวกัมพูชา (CATA) กล่าวว่า “วิกฤตภายนอก ความไม่แน่นอนของการเติบโตทางเศรษฐกิจโลก และการปิดพรมแดนที่ยืดเยื้อ จะส่งผลกระทบต่อการท่องเที่ยวอย่างแน่นอน แต่ด้วยความพยายามของรัฐบาลผ่านกระทรวงการท่องเที่ยวและภาคเอกชน คาดว่าประเทศจะดึงดูดนักท่องเที่ยวให้เพิ่มมากขึ้น” 

https://youtu.be/A9Pu6jd99Ic