“อาเซียน บวกสาม” จับมือการค้า สู้ภัยคุกคามภาษีทรัมป์

เวทีการประชุม “อาเซียน บวกสาม”  อันประกอบไปด้วยชาติสมาชิกอาเซียน 10 ชาติ ร่วมกับ  ญี่ปุ่น จีน และเกาหลีใต้ ได้เปิดประชุมกันเมื่อวานนี้ ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์ มาเลเซีย โดยที่ประชุมได้ เน้นย้ำถึงความสำคัญของความร่วมมือและภัยคุกคามจากมาตรการฝ่ายเดียวของมหาอำนาจโลก    ซึ่งการประชุมครั้งนี้เกิดขึ้นหลังจากที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ประกาศขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากหลายประเทศในเอเชียอย่างหนัก  

นาย หวัง อี้ รัฐมนตรีต่างประเทศจีน กล่าวว่า  “เรายังเผชิญกับความท้าทายต่างๆ เช่น ผลกระทบของนโยบายกีดกันทางการค้าฝ่ายเดียวและการกำหนดภาษีศุลกากรโดยพลการจากมหาอำนาจบางประเทศ ยิ่งสถานการณ์ซับซ้อนมากขึ้นเท่าใด ความร่วมมืออาเซียนบวกสามก็ยิ่งมีความสำคัญมากขึ้นเท่านั้นที่จะต้องสอดคล้องกับแนวโน้มในวงกว้าง”

ทั้งนี้ อาเซียนซึ่งพึ่งพาการส่งออกเป็นเศรษฐกิจขนาดใหญ่อันดับห้าของโลก  โดยบางประเทศได้รับประโยชน์จากโครงสร้างห่วงโซ่อุปทานของจีนอย่างมาก  และหลายประเทศก็ถูกตั้งภาษีสินค้านำเข้าจากสหรัฐในอัตราที่สูงลิ่ว

ขณะเดียวกัน นางอนิตา อานันท์ รัฐมนตรีต่างประเทศแคนาดา กล่าวหลังการประชุมกับประเทศคู่เจรจาจากกลุ่มอาเซียน ว่า  แคนาดากำลังพยายามสรุปข้อตกลงการค้าเสรีกับประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการผลักดันการขยายตลาดไปสู่ตลาดใหม่

เธอกล่าวว่า  แคนาดาเชื่อว่าเศรษฐกิจโลกจะถูกขับเคลื่อนโดยภูมิภาคอินโด-แปซิฟิกในอีกหลายปีข้างหน้า และว่า “งานกำลังดำเนินการอย่างรวดเร็วเพื่อสรุปเนื้อหาของข้อตกลงการค้าเสรีให้เสร็จสิ้น” และว่า “มันซับซ้อน แต่เราตั้งตารอที่จะให้เสร็จสมบูรณ์โดยเร็วที่สุด”   และย้ำว่า การเปิดเขตการค้าเสรี  "อาเซียน-แคนาดา" เป็นหนึ่งในวิธีที่แคนาดาสามารถขยายความสัมพันธ์ทางการค้าให้กว้างไกลออกไปนอกเหนือจากกลุ่มประเทศจี-7 ซึ่ง นอกเหนือจากการค้าแล้ว แคนาดาจะทำงานร่วมกับอาเซียนในด้านพลังงาน ความมั่นคงทางอาหาร เศรษฐกิจดิจิทัล และปัญญาประดิษฐ์ด้วย

https://youtu.be/Rx6QF_9tYKY