สหรัฐฯ จ่อขึ้นภาษีถึง 271% ต่อต้านการทุ่มตลาดโซลาเซลล์จาก 4 ชาติอาเซียนรวมทั้งไทย

สำนักข่าวซีซีทีวีพลัส (CCTV+) ของจีน รายงานว่า กระทรวงพาณิชย์สหรัฐฯ ได้ประกาศตัดสินใจเบื้องต้นที่จะกำหนดอัตราภาษีต่อต้านการทุ่มตลาดสูงถึง 271% กับผลิตภัณฑ์พลังงานแสงอาทิตย์ ที่นำเข้าจาก 4 ประเทศ ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวทำให้เกิดความกังวล และเสียงวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนัก ซึ่งประเทศที่ได้รับผลกระทบ ได้แก่ กัมพูชา มาเลเซีย ไทย และเวียดนาม ซึ่งคิดเป็นประมาณ 80 % ของเซลล์แสงอาทิตย์ และโมดูลซิลิคอนผลึกที่ผลิตจากเซลล์แสงอาทิตย์ที่ส่งเข้าไปยังสหรัฐฯ

ทั้งนี้ การสอบสวนของสหรัฐฯ เกิดขึ้นจากคำร้องที่ยื่นเมื่อเดือนเมษายนปีนี้ โดยคณะกรรมการการค้าพันธมิตรเพื่อการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์แห่งอเมริกา ซึ่งเป็นตัวแทนของผู้ผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ในสหรัฐฯ ซึ่งคณะกรรมการกล่าวหาผู้ผลิตต่างประเทศว่า ขายผลิตภัณฑ์พลังงานแสงอาทิตย์ในสหรัฐฯ ในราคาต่ำกว่าต้นทุนการผลิต

คาดว่า คำตัดสินขั้นสุดท้าย จะออกมาในเดือนเมษายน 2568 โดยคณะกรรมาธิการการค้าระหว่างประเทศของประเทศ จะตัดสินใจขั้นสุดท้ายในเดือนมิถุนายน 2568

ความเคลื่อนไหวดังกล่าว ถูกวิจารณ์อย่างหนักจากผู้พัฒนาพลังงานแสงอาทิตย์ในสหรัฐฯ ผู้ผลิตต่างประเทศ และผู้เชี่ยวชาญในอุตสาหกรรม ซึ่งเห็นว่าภาษีดังกล่าวไม่เป็นธรรม ในขณะเดียวกัน ก็ทำให้ต้นทุนของโครงการพลังงานหมุนเวียนในสหรัฐฯ สูงขึ้นเองด้วย

ทางด้าน โจเซฟ แมทธิวส์ ศาสตราจารย์อาวุโส จากมหาวิทยาลัยนานาชาติ เบลท์อีไอ ในกัมพูชา แสดงความกังวลเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของสหรัฐฯ  โดยกล่าวว่าการกำหนดภาษีต่อต้านการทุ่มตลาดกับผลิตภัณฑ์จากประเทศในกลุ่มอาเซียนเป็นเรื่องไร้เหตุผล

เขากล่าวว่านโยบายนี้ จะไม่ทำให้ภาคการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์ของสหรัฐฯ ฟื้นตัว แต่จะสร้างภาระให้กับผู้นำเข้า และผู้บริโภคของสหรัฐฯ เอง ด้วยต้นทุน และการสูญเสียที่สูงขึ้น