สหรัฐฯลดดอกเบี้ย 0.25% เหลือ 4.5% - 4.75% หลังเงินเฟ้อชะลอตัว แต่ตลาดแรงงานอ่อนแอ

คณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน ของธนาคารกลางสหรัฐฯ (FMOC) ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยนโยบายของสหรัฐฯ ลง 0.25%  เมื่อคืนที่ผ่านมา ท่ามกลางภาวะเงินเฟ้อที่ลดลง และตลาดแรงงานที่อ่อนแอลง ซึ่งถือเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งที่สอง ในรอบวัฎจักรการใช้นโยบายผ่อนคลายทางการเงิน

'เอฟโอเอ็มซี' (FOMC) ระบุว่า ตั้งแต่ต้นปีที่ผ่านมา สภาพตลาดแรงงานโดยทั่วไปอ่อนแอลง  และอัตราการว่างงานเพิ่มขึ้นแต่ยังคงอยู่ในระดับต่ำ ส่วนอัตราเงินเฟ้ออยู่ในทิศทางที่จะลดลงสู่ระดับเป้าหมายที่ 2% แต่ก็ยังสูงขึ้นเล็กน้อย และเพื่อสนับสนุนเป้าหมายอัตราเงินเฟ้อให้ได้ที่ 2%  คณะกรรมการจึงตัดสินใจลดอัตราดอกเบี้ยลง 0.25% มาอยู่ที่ 4.5% - 4.75%

การตัดสินใจครั้งล่าสุดของเฟด มีขึ้นหลังจากรายงานการจ้างงานที่อ่อนแอ ซึ่งแสดงให้เห็นว่านายจ้างในสหรัฐฯ เพิ่มตำแหน่งงานเพียง 12,000 ตำแหน่ง ในเดือนตุลาคม ท่ามกลางภาวะตลาดแรงงานที่ชะลอตัว การชะลอตัวนี้รุนแรงขึ้นจากการหยุดงาน และผลกระทบจากพายุเฮอริเคน ที่เกิดขึ้นเมื่อเร็ว ๆ นี้

ก่อนหน้านี้ การประชุมนโยบายของธนาคารกลางสหรัฐฯ เมื่อวันที่ 17-18 กันยายน ก็ได้ประกาศลดอัตราดอกเบี้ยลงครั้งแรกลง 0.50%  ซึ่งถือเป็นการปรับลดอัตราดอกเบี้ยครั้งแรกในรอบกว่า 4 ปี และส่งสัญญาณถึงการเริ่มต้นของวัฏจักรการผ่อนคลายนโยบายการเงิน

ขณะที่ นักวิเคราะห์ต่างมองว่า สหรัฐฯ จะทยอยปรับลดดอกเบี้ยอีกหลายครั้ง ในช่วงไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ แต่ก็เตือนว่า นโยบายของ 'โดนัลด์ ทรัมป์' หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการปรับลดภาษี นโยบายผู้อพยพ และนโยบายการขึ้นภาษีศุลกากร ของทรัมป์อาจจะทำให้เกิดเงินเฟ้อมากขึ้น และจะเพิ่มแรงกดดันมากขึ้น อีกทั้ง รัฐบาลสหรัฐฯ ยังมีแผนต้องกู้ยืมมากขึ้น ซึ่งประเด็นเหล่านี้ จะทำให้แนวทางการปรับลดดอกเบี้ยยิ่งมีความซับซ้อนยิ่งขึ้น