'ญีปุ่น' ยอมรับเกิด 'สึนามิ' ซัดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ชิกะ หลังแผ่นดินไหว 7.6 ในวันปีใหม่

บริษัท โฮคุริคู อิเล็กทริก พาวเวอร์ ในญี่ปุ่น ยอมรับว่า เกิดสึนามิ สูง 3 เมตร ซัดโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ชิกะ ใน จ.อิชิกาวะ หลังเกิดแผ่นดินไหวขนาด 7.6 ในวันปีใหม่ เป็นเหตุให้โรงไฟฟ้าพลังงานนิวเคลียร์ได้รับความเสียหาย

สำนักข่าวซินหัว ของจีน รายงานว่า บริษัท โฮคุริคู อิเล็กทริก เพาเวอร์ (Hokuriku Electric Power Company) บริษัทดำเนินกิจการโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ ในญี่ปุ่น รายงานว่า เหตุแผ่นดินไหวขนาด 7.6 ซึ่งมีศูนย์กลางที่คาบสมุทรโนโตะ ใกล้จังหวัดอิชิกาวะ บนเกาะฮอนชู ทางตอนกลางของประเทศญี่ปุ่น เมื่อวันปีใหม่ 1 มกราคม 2567 นั้น ได้ก่อให้เกิดสึนามิสูงประมาณ 3 เมตร ซัดถาโถมใส่โรงไฟฟ้านิวเคลียร์ชิกะ ในจังหวัดอิชิกาวะ ซึ่งอยู่ทางชายฝั่งตะวันตกของเกาะฮอนชู

ขณะเดียวกัน บริษัทโฮคุริคู อิเล็กทริก พาวเวอร์ ยังยอมรับว่า สึนามิซัดโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ชิกะ ได้ก่อให้เกิดความเสียหาย โดยพบองค์ประกอบบางส่วนของอุปกรณ์ในสถานีไฟฟ้าย่อย และสายส่งไฟฟ้า ได้รับความเสียหาย

แต่กระนั้น ความเสียหายที่เกิดขึ้น ไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการดำเนินงานของโรงไฟฟ้าแห่งนี้ โดยเครื่องปฏิกรณ์หมายเลข 1 และหมายเลข 2 ที่โรงไฟฟ้าฯ หยุดทำงานเป็นเวลานานก่อนเกิดแผ่นดินไหว

ด้าน โฆษกของ บริษัท โฮคุริคู อิเล็กทริก พาวเวอร์ เผยว่า จากวิเคราะห์ของพวกเรา บ่งชี้ว่า ได้เกิดสึนามิ สูง 3 เมตร เมื่อเวลาประมาณ 07.50 น. ของวันที่ 1 ม.ค. ตามเวลาท้องถิ่น โดยโรงงานไฟฟ้านิวเคลียร์ชิกะ ตั้งอยู่สูงกว่าระดับน้ำทะเล 11 เมตร และยังมีกำแพงกันคลื่นสูง 4 เมตร ซึ่งสร้างขึ้นกันสึนามิ หลังเกิดเหตุโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ที่ฟุกุชิมะ ได้รับความเสียหายจากสึนามิ เมื่อปี 2554

ขณะที่ โฆษกของ บริษัท โฮคุริคู อิเล็กทริก พาวเวอร์ ยังกล่าวว่า เจ้าหน้าที่ไม่ได้รับทราบความสูงของคลื่นสึนามิในทันที เนื่องจากอุปกรณ์ตรวจวัดที่ติดตั้งอยู่บนพื้นทะเลหยุดส่งข้อมูล หลังเกิดแผ่นดินไหว

ทั้งนี้ เมื่อวันที่ 2 ม.ค. บริษัทโฮคุริคุ อิเล็กทริก รายงานว่า ไม่พบระดับน้ำในอุปกรณ์ตรวจวัดเปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยสำคัญ ก่อนเปิดเผยว่า พบระดับน้ำเพิ่มขึ้นในเวลาต่อมา

ทั้งนี้ ญีปุ่นค่อนข้างให้ความสำคัญกับความปลอดภัยของโรงไฟฟ้านิวเคลียร์อย่างมาก หลังจากที่เคยเกิดกรณีโรงไฟฟ้านิวเคลียร์ฟูกูชิมะระเบิดหลังถูกสึนามิพัดถล่มเมื่อปี 2011 ทำให้เกิดวิกฤตต่อเนื่อง มีการอพยพประชาชนออกจากพื้นที่เป็นจำนวนมาก

--------